‘SET INDEX-Liquidity ภาพสะท้อนของรัฐบาล’

วันนี้เห็นสภาพตลาดทำจุดต่ำสุดซ้ำแล้วซ้ำอีกในรอบหลายเดือน สวนทางตลาดอื่นฯ ทั้งโลก พุ่งทำนิวไฮ บวกกับเห็นท่านรัฐมนตรีออกมาให้ข่าวว่าได้แก้ปัญหา “Naked Short Selling” แล้ว


วันนี้เห็นสภาพตลาดทำจุดต่ำสุดซ้ำแล้วซ้ำอีกในรอบหลายเดือน สวนทางตลาดอื่นฯ ทั้งโลก พุ่งทำนิวไฮ บวกกับเห็นท่านรัฐมนตรีออกมาให้ข่าวว่าได้แก้ปัญหา “Naked Short Selling” แล้ว

รวมถึงได้ทำให้ “Short Selling” ลดลง ถือเป็นผลงานที่ดีในการพัฒนาตลาดทุน แต่ไฉนเลยตลาดหุ้นไทยยังคงร่วงอย่างต่อเนื่อง!?

ในความจริง ในแต่ละวันแม้ปริมาณการทำ Short Selling จะลดลงจนเหลือไม่ถึง 4% ของวอลุ่มตลาด แต่ทำไมคนก็ยังไม่เข้าซื้อหุ้นไทย นี่คือ คำถามที่มีเครื่องหมาย? ตัวใหญ่ ๆ ว่า ทำไม?

ถ้ามองจากภาพใหญ่ลงมา จะเห็นว่าปัญหาหลัก มาจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดเกินไป ทำให้เงินไหลออกจากระบบ สถาบันการเงินปล่อยกู้เพื่อทำธุรกิจน้อยลง เหมือน “ปลาขาดอาหาร ที่ยิ่งเลี้ยงยิ่งตัวเล็กลง”

เศรษฐกิจโดยรวมซบเซาแล้วซบเซาต่อ ประกอบกับนโยบายของหน่วยงานกำกับฯ ที่ได้รับคำสั่งจาก เบื้องบน (รัฐบาล) มากระทบต่อสภาพคล่อง ไล่นักลงทุนต่างชาติให้หนีออกจากตลาดหุ้นไทย

ไม่ว่าจะเป็นการออก Uptick Rule ที่ทำให้การ short ทําไม่ได้ รวมถึงทำลายสภาพคล่องของตลาดให้ลดลงอย่างมาก แม้จะมีการขยายเวลาเทรดมากขึ้น ก็เป็นดำริมาจากอดีตนายกฯ เศรษฐา ซึ่งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาวอลุ่มเทรดบางเฉียบได้เลย

ล่าสุด การบีบลดสัดส่วน Margin หรือการควบคุมการเทรด ซึ่งเป็นการเพิ่มข้อจำกัดลดความเสี่ยงที่ดี แต่ในช่วงเวลาตลาดขาลงเช่นนี้ ถือว่า ไม่ดี และ “ผิดกาลเทศะ” เอามาก ๆ

เหมือนเป็นการซํ้าเติมทำให้สภาพคล่องยิ่งหดตัวหนักขึ้นไปอีก ภาพสะท้อนที่เป็นหลักฐานมีให้เห็นอยู่ทุกวัน จากมูลค่าการซื้อขายที่เหลือเพียง 20,000-30,000 ล้านบาทต่อวัน

หุ้นบิ๊กแคป หลายตัวไม่มีสภาพคล่องจนเกิดเหตุการณ์ไหลไม่หยุด ไม่มี bid มารับเพราะ ถูกสั่งห้าม short แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือการ Long sell แล้วขนเงินออก

ส่วนการ short sell มีข้อบังคับที่ต้องซื้อคืน และไม่มีใครจะเก่ง หรือเซียน ที่จะถือ short sell มาเหมือนถือหุ้น เพราะดอกเบี้ยกู้ยืมหุ้นมามันเดินทุกวัน และไม่ใช่ถูก ๆ ประกอบกับ มีความเสี่ยง ถ้าหากเจ้าของที่ยอมให้ยืมหุ้น จะขอหุ้นคืน การ cover short จะเกิดขึ้นทันที

รายละเอียดของ เหตุการณ์เหล่านี้ที่รัฐบาล ให้ออกกฎมา เป็นปัจจัยหลักอันหนึ่งที่ทําพอร์ตนักลงทุนแตก (พอร์ตระเบิด) เสียหายกันอย่างยับเยินแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะ bid ไม่มี

ตามด้วย บริษัทจดทะเบียน ยังมีข่าวร้ายออกมาต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนที่ล้มเหลว ธรรมาภิบาลที่ไม่เห็นหัวรายย่อย ผลประกอบการที่ยํ่าแย่ แถมยังเจอกับภาพของรัฐบาลที่ขาดความสอดคล้องกันในการทำงาน มีข่าวใหม่เชิงลบออกมาแทบทุกวัน บรรยากาศเช่นนี้ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมตลาดหุ้นไทยถึงซบเซาหนัก

เรื่องนี้จะโทษแต่ภาพเศรษฐกิจก็ไม่ได้เต็มปาก ลองดูว่าในขณะที่ GDP ไทยโต 2-3% แต่ยุโรปโต 0% หรืออย่างประเทศเยอรมนีที่ GDP ติดลบ แต่ตลาดหุ้นยุโรปกลับทำ New High ทุกวันได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายการเงินและสภาพคล่องที่ช่วยกระตุ้นตลาด ต่างจากบ้านเราที่ผู้มีอำนาจเพิกเฉย หรือทำอะไรก็ไม่สามารถดึงความเชื่อมั่นให้กลับมาในตลาดได้

แม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร้ายอย่างการ “short sell” จะลดลงมากแล้วก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าสภาพคล่องยิ่งสูง ตลาดยิ่งเทรดที่ PE แพงได้มากขึ้น นี่คือสิ่งหนึ่งที่ตลาดไทยมีเป็นจุดเด่นในช่วงสมัยก่อน

ผู้เขียนอยากชี้ให้เห็น  ตลาดทั่วโลกมีปริมาณ Short Selling สูงกว่าบ้านเรามาก อย่างในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หุ้นบางตัวมี Short interest สูงถึง 30-40% ของ Free float แต่ก็ยังทำ New High ได้เรื่อย ๆ

สิ่งที่ผู้มีอำนาจควรตระหนักคือ ปัญหาที่แท้จริงของตลาดไทยคืออะไร? ทุกวันนี้สภาพคล่องในตลาดลดลงหนักมาก บางตัว Bid-Offer ในแต่ละช่องเหลือแค่หลักพันหรือหลักหมื่นหุ้นเท่านั้น

ตราบใดที่ยังเป็นแบบนี้ “ใครอยากจะซื้อของที่รู้ว่าขายไม่ได้?”

ลองดู Bitcoin สมัยก่อนที่ถูกตราหน้าว่าเป็น Scam หรือ Fraud แต่วันนี้กองทุนระดับโลกหลายแห่งตั้ง ETF และซื้อเข้าเป็นสินทรัพย์ลงทุน จุดเด่นของมันคือปริมาณการซื้อขายรายวันสูงถึง 30,000 ล้านเหรียญฯ หรืออย่าง Solana ที่ตอน Trump ออกเหรียญมีมตัวเองบน Solana Chain ก็มีปริมาณเทรดวันนั้นสูงถึง 400,000 ล้านเหรียญฯ เทียบกับตลาดไทยที่แค่จะขายหุ้นมูลค่า 30 ล้านเหรียญฯ หรือพันล้านบาท ยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะขายยังไง

นี่คือ ภาพความล้มเหลว ที่เกิดจากการสั่งการ ของทีมเศรษฐกิจภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ ที่ แม้จะมีคนของตลาดทุนเข้าไปร่วมทำงานกันอยู่เยอะ แต่กลับไม่เข้าใจว่า จะทำอย่างไรให้ตลาดหุ้นไทยดีกว่านี้

งง! กับเรื่องนี้จริง ๆ

อึ้งย้ง

Back to top button