หุ้นไทยเลือดสาด
วานนี้เป็นอีกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยถูกถล่มขายแบบไม่มีเยื่อใย ซึ่งเป็นสถานการณ์เดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่มีความกังวลเกี่ยวกับความบ้าระห่ำของประธานาธิบดี “ทรัมป์”
วานนี้เป็นอีกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยถูกถล่มขายแบบไม่มีเยื่อใย ซึ่งเป็นสถานการณ์เดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่มีความกังวลเกี่ยวกับความบ้าระห่ำของประธานาธิบดี “ทรัมป์” หลังประกาศดังฟังชัดว่า ต้องการทำเรื่อง “Trade war” แบบสุดซอย และเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างแน่นอน จึงเป็นชนวนเหตุให้นักลงทุนทั่วโลกเร่งขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงตลอดทั้งวันพะย่ะค่ะ
โดยระหว่างที่ “โมนิก้า” กำลังมองหาปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามาเสริมความมั่นใจให้กับแฟนคลับ ดันเหลือบไปเห็นดาวโจนส์ฟิวเจอร์รูดลงไปมากถึง 600 จุด ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกต่อจากนี้คงแดงมากกว่าเขียว เพราะคนบ้าระห่ำอยากจะทำอะไรสักอย่าง..ก็โนสน โนแคร์ นักลงทุนทั่วโลกเลยหวาดผวาไปตามกัน เพราะไม่รู้ว่า คุณพี่จะงัดไม้ไหนขึ้นมาเล่นงานชาวโลกอีกน่ะซี
ฉะนั้นการที่หุ้นไทยทรุดฮวบลงอย่างรวดเร็ว 40 จุด ตั้งแต่เปิดเทรด ก่อนจะตีตื้นขึ้นมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 1,304.39 จุด ลบไป 10.11 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.42 หมื่นล้านบาท ก็เป็นภาพที่ชี้ให้เห็นว่า นี่เป็นเวทีของผู้กล้าอย่างแท้ทรู เพราะรับรู้กันมาเป็นปีว่า ตลาดหุ้นไทยมีแต่ซึมลงเรื่อย ๆ และการเด้งขึ้นในแต่ละรอบ ก็เป็นแค่การประวิงเวลาขาลง ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่กล้าช้อนหุ้นเมื่อทรุดตัวลงแรงเจ้าค่ะ
เหมือนกับในรายของ PTT พยายามเด้งสู้แรงขายตลอดเวลา แต่ก็สู้ไม่ได้สักทีแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับการเล่นหุ้นตัวนี้ เพราะกระแสข่าวที่พูดกันปากต่อปาก พุ่งเป้าที่กำไรไม่โตเป็นเรื่องหลัก ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจน้ำมันไม่เฟื่องฟูเหมือนในอดีต รวมทั้งบริษัทลูกก็ประสบปัญหาขาดทุนเป็นช่วง ๆ เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 31 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.75 พันล้านบาท น่าเล่นไหม?
เช่นเดียวกับในรายของ CPALL ก็เป็นหุ้นที่ล้อไปตามเศรษฐกิจ “โมนิก้า” จึงมีคำถามในใจทุกครั้งที่เห็นหุ้นบวกสวนตลาดหุ้นที่แดงเถือก รวมถึงข่าวประหลาด ๆ มักมีออกมาให้เห็นเป็นระยะ จึงกลายเป็นหุ้นที่อีฉันกลัวเหลือเกิน ผนวกกับหุ้นมีทิศทางการเคลื่อนตัวเป็นบันไดขาลง เลยอยากให้นักลงทุนประเมินกันเอาเองว่า การยืนปิดที่ระดับ 52.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.82 พันล้านบาท คุ้มที่จะเสี่ยงไหมจ๊ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น BANPU ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะการย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 4.92 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 421 ล้านบาท อาจเป็นภาพที่ไม่เสียหายสักเท่าไหร่? แต่ถ้าดูเป็นภาพยาว ๆ จะเห็นว่า ราคาหุ้นไหลลงมานานเหลือเกิน จนอีฉันหวั่นใจว่า หุ้นจะลงไปหาโลว์เก่าที่บริเวณ 4.38 บาท เพราะสภาพแวดล้อมหลายอย่างมันทำให้เชื่อเช่นนั้นจ้า!
คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น BAM ก็ออกอาการขาแข้งสั่นให้เห็นบ่อย ๆ จนนักเล่นสงสัยกันว่า ขึ้นจริงกี่โมงแบบนี้! อีฉันถือเป็นประเด็นที่น่าขบคิดเป็นอย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่บรรดาขาเผือกรับรู้กันมาเป็นระยะคือ โอกาสที่จะทำกำไรอู้ฟู่เหมือนดั่งเช่นในอดีต..ใช้ไม่ได้กับสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ และส่อแววจะลงไปหาโลว์เดิมที่ระดับ 5.35 บาท หลังวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 5.70 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 101 ล้านบาทนะตัวเอง
ส่วนรายที่ส่อไปในทางวัดใจคนเล่นสุด ๆ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น COM7 เป็นรายถัดมา เพราะการเคลื่อนตัวของหุ้นออกไปในโทนโค้งตัวลงเป็นเวลา 2 เดือน แถมวานนี้ทรุดตัวลงไปทำโลว์ที่ระดับ 20.30 บาท ก่อนจะมีแรงซื้อดันกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 22.10 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 266 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 17 เท่าแบบนี้..วันนี้สามารถออกได้ทั้ง 2 หน้านะออเจ้า
ตบท้ายกันที่หุ้น CPN เพื่อชี้ให้เห็นการอ่อนตัวลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 50.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 513 ล้านบาท พร้อมกับทำโลว์ในรอบ 3 ปี มันเป็นเรื่องที่น่ากังวลเหลือเกิน! เพราะสิ่งที่สะท้อนออกมาบนราคาหุ้นคือ กำไรอาจออกมาไม่ดี นักลงทุนสถาบันถึงรินขายหุ้นออกมาตลอดเวลา “โมนิก้า” เลยไม่รู้ว่า หุ้นจะหยุดลงตรงบริเวณไหน?..อิอิอิ
โมนิก้า: และทีมงาน