พาราสาวะถี

เข้าสู่โหมดสรุปบทเรียน เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง สส. แม้ว่ายังจะเหลือเวลาอีกเกือบ 3 ปี แต่ทุกพรรคการเมืองที่ส่งคนลงชิงชัยเก้าอี้นายก อบจ. มองเห็นแล้วว่าอะไรคือจุดบอด


เข้าสู่โหมดสรุปบทเรียน เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง สส. แม้ว่ายังจะเหลือเวลาอีกเกือบ 3 ปี แต่ทุกพรรคการเมืองที่ส่งคนลงชิงชัยเก้าอี้นายก อบจ. มองเห็นแล้วว่าอะไรคือจุดบอด ส่วนไหนคือจุดแข็ง อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า ตัวเลขของคนที่ออกไปใช้สิทธิ์หนนี้อยู่ที่ 58 เปอร์เซ็นต์เศษ ลดลงจากปี 2563 ถึง 4 เปอร์เซ็นต์ และห่างไกลจากเป้าที่ กกต.ตั้งไว้แบบเจียมเนื้อเจียมตัวที่ 65 เปอร์เซ็นต์ อาจจะยังไม่ใช่ตัวชี้วัดการเมืองระดับชาติได้

สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขของคนไปลงคะแนนไม่คึกคัก ส่วนสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้คงเป็นกรณีองค์กรจัดเลือกตั้งอ้างการจัดหย่อนบัตร ส.อบจ.และนายก อบจ.เป็นวันเสาร์แทนที่จะเป็นวันอาทิตย์ ด้วยข้อกฎหมายที่ลงล็อก 45 วัน เพราะรู้กันอยู่ว่าคนหนุ่มสาว วัยทำงานหยุดกันไม่ได้ การอ้างส่ง ๆ ว่าขอความร่วมมือไปกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ประสานโรงงาน บริษัท ร้านรวงทั้งหลายให้พนักงานหยุดงานได้เพื่อไปเลือกตั้ง ทางทฤษฎีได้แต่ในแง่ปฏิบัติเมื่อไม่มีโทษทางกฎหมาย ใครจะยอมทำตาม

จากปัจจัยดังว่าจึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้บรรดาบ้านใหญ่ พวกเขี้ยวลากดินทั้งหลาย สามารถวางแผนยิงกระสุนได้ตรงเป้าหมาย อาศัยเสียงหนุนจากคนที่อยู่ในหมู่บ้าน ชุมชน ถ้าประเมินจากผลคะแนนในแต่ละเขตยิ่งทำให้เห็นภาพชัด หัวคะแนนกับฐานเสียงที่อยู่ในมือทำงานง่าย ไม่มีแรงกดดัน ไม่ต้องกังวล บอกมาตั้งแต่ไก่โห่ประเภทอ้างหลักการ ยึดกรอบตามลายลักษณ์อักษร ไม่มีทางเอาผิด จับไม่ได้ไล่ไม่ทันพวกที่ใช้สารพัดวิธีเพื่อให้ได้คะแนนเสียงแน่นอน

มองกันตามหน้าเสื่อเวลานี้ คงต้องยอมรับกันว่าฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลทั้งเพื่อไทย ภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ รวมไปถึงพรรคอื่น ๆ ต่างพึงพอใจกับคะแนนที่ได้รับ ปมการเขม่นกันระหว่างพรรคสีแดงกับสีน้ำเงินนั้น เป็นเพียงแค่อารมณ์หลังจากขับเคี่ยวกันในสนามเลือกตั้งเท่านั้น เมื่อความเป็นจริงยังต้องจับมือร่วมกันไปยาว ๆ ก็เป็นไปตามที่หัวหน้าของทั้งสองพรรคสรุปตรงกัน แข่งขันจบทุกอย่างเหมือนเดิม ทำงานร่วมกันได้ ลุยงานตามนโยบายให้เกิดผลโดยเร็ว

ยังคงยืนยันแข็งขัน อนุทิน ชาญวีรกูล ชี้การเลือกนายก อบจ.กับผลที่ออกมา เป็นการแสดงให้เห็นถึงระบอบประชาธิปไตย ตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว ต้องมองไปข้างหน้า แข่งขันกันเสร็จก็กลับมาทำงาน ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองด้วยกันต่อไป การกล่าวหาโจมตี พาดพิงบนเวทีปราศรัยถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ประสาผู้คร่ำหวอดเสี่ยหนูมองว่า ถึงเวลาหาเสียงเลือกตั้งก็ใส่กันไป เป็นบทบาทลีลาในการหาเสียง ทำให้ตัวเองประสบชัยชนะ

ความจริงอีกประการที่หนีไม่พ้น แม้เจ้าสำนักสีน้ำเงินจะไม่พูดชัด แต่ก็เป็นอันรู้กัน อย่าแยกสีแยกฝ่าย เวลาเลือกตั้งก็เลือกตั้งกันไป ปี 2570 ก็มาแข่งกันใหม่ ผลออกมาเป็นอย่างไร ตัวเลขเป็นอย่างไร จะรวมกันอย่างไร ใครเป็นรัฐบาล ใครเป็นฝ่ายค้านก็มีรูปแบบของมันอยู่ ซึ่งทุกพรรคการเมืองต้องมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ชี้ให้ชัดนั่นก็คือ ด้วยเงื่อนไข ภาคบังคับทางการเมืองหลังเกิดปัญหาจากกลไกที่ขบวนการสืบทอดอำนาจทิ้งไว้ ทำให้ต้องมีรัฐบาลพลิกขั้วเพื่อความมั่นคงของชาติ

คำอธิบายจากเสี่ยหนูกรณีวลีทอง “ไล่หนูตีงูเห่า” ยิ่งทำให้เห็นภาพชัด ไม่ต้องเคลียร์อะไรกับพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องปกติธรรมดา ถ้าจะโกรธก็ตั้งแต่สมัย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว ที่เป็นผู้ประกาศวลีเด็ดนี้ พอถึงเวลาก็ร่วมรัฐบาลกัน มีการเชิญไปกินช็อคมิ้นต์ ที่ตึกโอเอไอ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยเก่า ทุกอย่างอย่าไปคิดมากไม่เช่นนั้นจะทำอะไรไม่ได้ ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน แทบไม่ต้องไปคาดเดาอะไรกันแล้ว สถานการณ์ข้างหน้าจะเดินกันไปอย่างไร

อีกเรื่องที่มีการยกขึ้นมาเพื่อดิสเครดิต ทักษิณ ชินวัตร คือ ทักษิณสิ้นมนต์ขลัง ไม่ได้มีอะไรให้น่าตื่นเต้น แค่สร้างความสะใจให้กับฝ่ายกองแช่งและพวกขาประจำทั้งหลายเท่านั้น คงไม่ใช่การเอาใจหรือรักษาน้ำใจนายใหญ่ ที่เสี่ยหนูตอบคำถามเรื่องนี้ของนักข่าวคือความจริงที่นักการเมืองเคยสัมผัสกันมาแล้ว จอมยุทธ์ก็คือจอมยุทธ์ ใครลองไปว่าสิ้นมนต์ขลังดู คงจะประสบความหายนะอย่างยิ่ง อย่างที่ไม่เคยคาดการณ์หรือ ประมาณการอะไรได้ ประโยคสุดท้ายที่ว่า “ไม่มีหรอกครับ ยิ่งน่ากลัว” เป็นสิ่งที่ต้องขีดเส้นใต้

คนที่เคยใกล้ชิดนายใหญ่มาแล้วย่อมรู้กิตติศัพท์กันเป็นอย่างดี ทันทีที่ผลการเลือกตั้งมีบทสรุป ข้อมูลที่มีการเก็บกันมาโดยตลอด ได้ถูกนำมาพูดคุยเชิงแลกเปลี่ยน ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง ช่องโหว่ในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะสองจังหวัดสำคัญอย่างเชียงรายและลำพูน อาจดูเหมือนเสียหน้า แต่ทางกลับกันทีมงานของนายใหญ่กลับมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้รู้ทิศทางของคนในพื้นที่ว่าต้องการแบบไหน คนที่จะส่งไปเป็นตัวแทนลงเลือก สส.นั้นต้องคัดกันอย่างไร รวมไปถึงปัญหาบ้านใหญ่ที่ไม่ลงรอยกันด้วย

ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่รัฐบาลประกาศต้องจบภายในปีนี้ แพทองธาร ชินวัตร ประกาศเสียงเข้มหลังประชุม ครม. สั่งตัดไฟที่ส่งไปเมียนมา รวมถึงน้ำมันด้วย กร้าวต้องดูแลคนไทยก่อน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อคนไทยมากและมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ถ้ามีความเห็นใจ แต่เรียงลำดับไม่ถูกต้องจะเกิดปัญหาที่ยาวนานต่อเนื่อง ทำให้ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ด่วนในวันเดียวกัน เพื่อจะได้สั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ.ดำเนินการตัดไฟทันที

ก่อนหน้าที่จะประชุม ครม.บิ๊กอ้วนก็ให้สัมภาษณ์ด้วยท่าทีที่ขึงขัง ยืนยันว่า กฟภ.สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ไม่ต้องรอ ครม.เคาะ แถมยังขู่ด้วยว่าผู้บังคับหน่วยส่วนใดหรือผู้รับผิดชอบหน่วยไหนถ้าสั่งให้ปฏิบัติแล้วล่าช้าและไม่จัดการภายในไม่กี่วันนี้ จะยืมตัวมาช่วยราชการ ขอให้ไปพิจารณาว่าควรจะจัดการแค่ไหน ท่วงทำนองที่เด็ดขาดแบบนี้ทั้งของนายกฯ หญิงและภูมิธรรม น่าจะเป็นเพราะได้รับสัญญาณและข้อมูลลับเฉพาะจาก หลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคง และสาธารณะ ของจีนที่เข้าพบบิ๊กอ้วนในเย็นวันเดียวกัน ตามข่าวแม้แต่ฝั่งเมียนมาเองรัฐบาลทหารยังต้องขยับเพราะเจอแรงกดดันจากพญามังกร

อรชุน

Back to top button