พาราสาวะถี

บอกแล้วว่ามาตรการเด็ดขาดตัดไฟส่งไปเมียนมาเพื่อกำราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น แพทองธาร ชินวัตร ได้รับสัญญาณชัดมาจากยักษ์ใหญ่แดนมังกร ก่อนที่จะเดินทางไปเยือนอย่างเป็นทางการ กระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จึงเป็นเพียงพิธีกรรมเพื่อทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลอง และไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เห็นได้จากถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีหญิงหลังกลับจากจีนว่า สี จิ้นผิง เอ่ยชมเรื่องนี้ และเห็นว่าประเทศไทยทำอย่างนี้เป็นการตัดสินใจเด็ดขาด เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม

ไม่เพียงแค่การยกย่องต่อการตัดสินใจของแพทองธารเท่านั้น ประธานาธิบดีจีนยังตอกย้ำถึงปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงเห็นว่าหากจะแก้ปัญหาให้สะเด็ดน้ำต้องมีคณะทำงานร่วมกัน ในส่วนของจีนยืนยันว่าจะทำงานเรื่องนี้เข้มข้นเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องที่กระทบทั่วโลก ขณะเดียวกัน ในฝั่งของไทยก็จะมีการตั้งคณะทำงานที่ทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อร่วมกันระหว่างไทย-จีน หากมีอะไรเพิ่มเติมจะมีการคุยกันผ่านคณะทำงานชุดนี้

แน่นอนว่า การกล้าตัดสินใจแบบนี้ย่อมทำให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวในฐานะผู้นำ ดังนั้น หลังถูกนักข่าวถามถึงประเด็นที่ทางฝั่งเมียนมามีการประท้วงที่ทางการไทยตัดไฟ แพทองธารตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ดิฉันเป็นนายกฯ ของประเทศไทย คิดว่าทางนั้นก็ต้องดูแลประชาชนของตัวเอง ทุกประเทศต้องดูแลคนของตัวเอง” ถึงเวลาที่ต้องแสดงบทห้าว โหด ก็ทำได้ไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน น่าสนใจ กับสิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร ผู้พ่อระบุถึงเจ้าของตึก 25 ชั้นที่ปอยเปตซึ่งถือสัญชาติไทยอาจถูกถอนสัญชาติ เรื่องนี้ลูกสาวในฐานะผู้มีอำนาจตัดสินใจ จะดำเนินการอย่างไร

เบื้องต้นอุ๊งอิ๊งยังสงวนท่าที บอกเพียงว่า ในรายละเอียดกรณีนี้ยังสามารถทำได้อีกเยอะ สิ่งที่ทักษิณพูดก็เป็นข้อแนะนำ ตนจะมีการไปเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ คาดว่านี่จะเป็นอีกเรื่องที่จะได้พูดคุยกัน การขอความร่วมมือกับทางเขมรนั้นไม่น่าจะมีปัญหา อยู่ที่ว่าจะดำเนินการได้รวดเร็วขนาดไหนเท่านั้นเอง หากพิจารณาจากเป้าหมายของรัฐบาล ที่จะกำจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปให้ได้ภายในปีนี้ ทุกอย่างจึงไม่น่าจะล่าช้า หลังจัดการทางฝั่งเมียนมาแล้ว ทางลาวและกัมพูชาไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก

จากการที่ได้แสดงภาวะผู้นำอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีภายในรัฐบาล แม้จะมีการแข่งขันกันดุเดือดในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.ที่ผ่านมา นั่นย่อมทำให้แพทองธารมีความมั่นใจในการนำรัฐบาลผสมเดินหน้าผลักดันนโยบายต่าง ๆ ร่วมกันต่อไป จึงเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่หนักแน่นเมื่อนักข่าวถามหลังกลับจากจีนเกี่ยวกับการปรับ ครม.ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในเวลานี้ว่า “ไม่ปรับค่ะ”

เพื่อให้คนในรัฐบาลพลิกขั้วได้สบายใจ นายกฯ หญิงจึงตอกย้ำว่า ข่าวนี้ออกมาทำให้รัฐมนตรีคิดว่าจะโดนปรับหรือเปล่า และสร้างความสั่นคลอนโดยไม่จำเป็น ยืนยันไม่ได้จะปรับ ถ้าจะปรับจริงจะต้องมีการพูดคุยกันในเนื้องาน ตอนนี้ยังอยากให้การทำงานต่อเนื่อง และตนก็เพิ่งมาเป็นนายกฯ ได้ไม่นาน รัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมาก็ยังเป็นได้ไม่นานเหมือนกัน ดังนั้น ต้องอาศัยความต่อเนื่องของการทำงาน และจำเป็นมากที่ทุกกระทรวงจะต้องรู้สึกว่าเราปลอดภัย แข็งแรง เวลามีอะไรแบบนี้มาไม่ดี และการที่จะปรับ ครม.หรือไม่ ตนจะเป็นคนบอกเอง คนอื่นตอบนั้นไม่ใช่คำตอบ

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการยืนยันด้วยว่า ข่าวที่ออกมาไม่มีอะไรที่ตรงกับสิ่งที่คิดเลยแม้แต่นิดเดียว ถือเป็นการสอดรับกับการให้สัมภาษณ์ของทักษิณเมื่อวันศุกร์ลูกสาวบอกว่ายังทำงานร่วมกันได้ดีอยู่ มีบ้างที่อาจช้าไป คงต้องจี้กันกระตุ้นกัน แต่ยังอยู่ในภาวะที่กระตุ้นกันได้อยู่ บอกแล้วว่าสไตล์การทำงานแม้จะมีความเป็นพ่อลูกแต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องถอดแบบกันมาทั้งหมด โดยเฉพาะกับคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ย่อมพิจารณาได้ว่า ถึงเวลาที่ขยับปรับเปลี่ยนเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพหรือไม่

ถ้าถอดรหัสจากบทสนทนาของทักษิณ อาจทำให้เห็นว่าบางอย่างลูกสาวก็ไม่ได้ฟังที่พ่อแนะนำ จึงมีการยกเอาคำพูดของ มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกฯ มาเลเซีย ที่แปลคำว่า “Advisor” ว่า “No so much obay” ที่หมายถึงไม่ต้องเชื่อฟังมากก็ได้ อย่างไรก็ตาม เหมือนเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังรัฐมนตรีบางรายด้วยว่า อย่าเป็นนักรำวงเพราะนายใหญ่เห็นว่า การบริหารเป็นนักรำวง มันเป็นนักบริหารที่ดีไม่ได้ ประเด็นนี้เชื่อว่าแพทองธารก็มองเห็น และมีการประเมินกันอยู่เป็นระยะเหมือนกัน

สำหรับข่าวคราวการปรับ ครม.นั้นอาจเรียกได้ว่ามาคู่กับเรื่องที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทุกครั้ง ทั้งจากฝ่ายตรงข้ามที่ปล่อยมาเพื่อสร้างความระส่ำให้กับฝ่ายกุมอำนาจ หรืออาจมาจากคนในซีกรัฐบาลเอง ต้องไม่ลืมว่า ยังมีคนที่หวังจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีอยู่ในทุกพรรค ดังนั้น เมื่อมีจังหวะก็ต้องอาศัยให้คุณแหล่งข่าวทำงานเผื่อเข้าทาง แต่ถ้ามองโดยภาพรวมของการทำงานในเวลานี้ จะเห็นว่าในกระทรวงหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนงานต่าง ๆ นั้น กำลังขะมักเขม้นทำงานเพื่อสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ จึงไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาเขย่าอะไรกัน

ส่วนที่ว่าอาจมีการปรับบางกระทรวงเพื่อหนีการซักฟอกนั้น ยิ่งเป็นวิธีที่อุบาทว์กันไปใหญ่ เป็นไปอย่างที่แพทองธารว่า การที่ฝ่ายค้านจองกฐินอภิปรายพาดพิงถึงทักษิณนั้นถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่มีต่างหากที่จะเป็นเรื่องแปลก พร้อมแสดงถึงความมั่นใจที่จะสามารถชี้แจงต่อสิ่งที่ฝ่ายค้านจะซักฟอกได้ ด้วยการยืนยันว่า ยินดีตอบทุกคำถาม ไม่เพียงเท่านั้นนายกฯ หญิงยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนตรงไปตรงมา หรือพูดประสาจิ๊กโก๋ก็คือใจนักเลงอีกต่างหาก

โดยบอกว่า สิ่งที่จะอภิปรายนั้นขอให้เอาเรื่องที่ตรงประเด็นดีกว่า เพราะไม่อยากให้เป็น Episode หนึ่งของซีรีส์อะไรสักอย่าง อยากให้ตอบโจทย์ว่า ทำแบบนี้ใช่หรือไม่ใช่ ให้ตรงประเด็น และจบกันดีกว่า อยู่ที่ทางพรรคฝ่ายค้านที่วันตั้งโต๊ะแถลงจะยื่นซักฟอกนั้น ฟุ้งว่ามีข้อมูลเด็ดพร้อมกับขอเวลาอภิปราย 5 วัน ซึ่งคงเป็นไปได้ยากที่ฟากรัฐบาลจะยอมตามนั้น ความจริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงื่อนเวลา ถ้ามีหลักฐานแน่นหนา สามารถน็อกคู่ต่อสู้ อภิปรายแค่ชั่วโมงเดียวก็จบเห่กันได้

อรชุน