บริหารความเสี่ยงดอลลาร์แข็งค่า

นับตั้งแต่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี (ครั้งที่ 2) บรรดาผู้บริหารการเงินบริษัทหลายแห่ง ต่างใช้ความพยายามมากยิ่งขึ้น เพื่อปกป้องรายได้ของบริษัท


นับตั้งแต่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี (ครั้งที่ 2) บรรดาผู้บริหารการเงินบริษัทหลายแห่ง ต่างใช้ความพยายามมากยิ่งขึ้น เพื่อปกป้องรายได้ของบริษัทจากความเสี่ยงค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น การเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าแผนเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะช่วยให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ คงการแข็งค่าเป็นเวลานานมากขึ้น

“ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ” ยืนอยู่เหนือระดับต่ำสุดช่วงเดือนก.ย.ประมาณ 7% และเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดรอบ 2 ปี หลังนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐ เพื่อคาดหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และนโยบายคุ้มครองการค้าของสหรัฐฯ

“นักเก็งกำไรค่าเงิน” ต่างมีมุมมองเชิงบวกต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มูลค่าสถานะซื้อเงินดอลลาร์สุทธิเพิ่ม ขึ้นสูงถึง 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นมูลค่าสูงสุดรอบ 9 ปี โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงิน มักใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า สัญญาออปชั่นสกุลเงินและสัญญาสวอป เพื่อลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น จากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ที่ปกติมักจะเคลื่อนไหวอัตราคงที่ แต่ต่างเริ่มมีมุมมองมากขึ้นว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ จะสามารถแข็งค่าขึ้นหรือคงอยู่ที่ระดับสูงอีกได้

Paula Comings หัวหน้าฝ่ายขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศธนาคาร U.S.Bank ระบุว่า “ภาคธุรกิจดำเนินการช้าลงและรอบคอบมากขึ้น พบว่าผู้ที่มีความเสี่ยงจากรายได้ต่างประเทศจำนวนมาก ที่จำเป็นต้องส่งเงินกลับประเทศ ได้เพิ่มโครงการป้องกันความเสี่ยงด้านกระแสเงินสดที่คาดการณ์นี้ไว้ และลูกค้าหลายรายกำลังวางแผนสำหรับการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ”

ขณะที่ “แอปเปิล” และ “ไมโครซอฟท์” บริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่โลก ยอมรับว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าอาจกดดันผลประกอบการทางการเงินอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ อย่างไรก็ตามการปรับเปลี่ยนแผนการตลาด บ่งชี้ให้เห็นถึงแรงผลักดันการป้องกันการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ที่จะแข็งค่ามากขึ้นอีก

Eric Huttman ซีอีโอมิลเทคเอฟเอ็กซ์ (MillTechFX) ระบุว่า “ก่อนการเลือกตั้งผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าบริษัทในอเมริกาเหนือ ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตระหนักดีถึงความเป็นไปได้และความเสี่ยงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น หลังจากที่ประเทศเข้าสู่การเลือกตั้ง และบริษัทขนาดเล็กเหล่านี้ครึ่งหนึ่งรายงานว่ากังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่อมูลค่าสกุลเงิน”

จากความเปราะบางต่อเรื่องความผันผวนของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ กลายเป็นประเด็นสำคัญตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความเสี่ยงจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ต่อเม็กซิโก, แคนาดา และจีน กระตุ้นให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งสูงขึ้นและเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง

แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น จะสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่อาจก่อให้เกิดปัญหากับบางบริษัทได้ เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ทำให้บริษัทข้ามชาติต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการแปลงกำไรจากต่างประเทศมาเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันส่งผลกระทบต่อความสามารถการแข่งขัน ในตัวผลิตภัณฑ์ของบรรดาผู้ส่งออกด้วยเช่นกัน

Kyle Chapman นักวิเคราะห์ตลาดสกุลเงิน Ballinger Group ระบุว่า “กิจกรรมป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมากในหลากหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ พยายามปกป้องตัวเองจากสภาพแวดล้อมที่มีความผันผวนสูงและความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น นับตั้งแต่ที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง”

สำหรับบรรดาผู้ประกอบการส่งออกไทย  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นย่อมทำให้เงินอ่อนค่า หากมองแบบชั้นเดียวเชิงเดียวถือเป็นปัจจัยเชิงบวก..แต่ว่าสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้น ก็ไม่แน่ใจว่างานนี้ “จะได้คุ้มเสียหรือไม่” จึงต้องพึงบริหารความเสี่ยงนี้ด้วยเช่นกัน..!!

Back to top button