มอง SET มีโอกาสฟื้นตัวแต่ Upside จำกัด

แม้ทรัมป์จะยกเลิกการขึ้นภาษีแคนาดาและเม็กซิโก 25% ไป 1 เดือน แต่ก็ยังเก็บจีนที่ 10% ทำให้จีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ หลายรายการรวมถึงน้ำมันดิบ (10%) และก๊าซธรรมชาติเหลว (15%) ส่งผลให้อัตราภาษีสุทธิระหว่างสองประเทศอยู่ที่ 25-30% จากก่อนหน้าที่ 19-21% ทำให้ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกมีมากขึ้นทั้งจาก (1) ด้านการค้าโลกที่จะลดลง (2) ความไม่แน่นอนที่มากขึ้นทำให้ธุรกิจบริหารจัดการและวางแผนยากขึ้นทำให้การลงทุนเอกชนลดลง (3) ธุรกิจอาจต้องเร่งนำเข้า และบางกรณีขึ้นราคาสินค้าเตรียมไว้ ทำให้กระทบต่อเงินเฟ้อ และลดดอกเบี้ยได้ยากขึ้น โดย InnovestX คาดการณ์ว่าในปี 2568 เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตที่ 1.9% และ จีนที่ 4.5% ต่ำกว่าที่ IMF คาด ที่ 2.7% และ 4.6% ตามลำดับ ในขณะที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศมีแนวโน้มที่จะปรับลดดอกเบี้ยได้น้อยลง

ในส่วนของดัชนี ISM ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ที่เริ่มฟื้นตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี InnovestX มองว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเร่งการนำเข้าและผลิตก่อนสงครามการค้า แต่ความเสี่ยงจะมากขึ้นจากการที่ทรัมป์เริ่มทำสงครามการค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตและเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อ ขณะที่ภาคบริการชะลอตัวลงเล็กน้อยโดยเฉพาะคำสั่งซื้อใหม่ สะท้อนความกังวลการขึ้นภาษีและสภาพอากาศที่แปรปรวน ขณะที่ตลาดแรงงานเริ่มลดความร้อนแรงลง โดยตำแหน่งงานว่าง JOLT ต่ำกว่าคาด และต่ำสุดในรอบ 3 เดือน โดยลดลงจากภาคธุรกิจและบริการวิชาชีพเป็นหลัก รวมถึงภาคสาธารณสุข สังคมสงเคราะห์ การเงิน และประกันภัย บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นทิศทาง Soft landing ก่อนสงครามการค้า 2.0 จะรุนแรงขึ้น

ส่วนตลาดหุ้นไทย InnovestX มองช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัวแต่ Upside จำกัด โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,320 จุด โดยแม้ปัจจัยต่างประเทศจะมีแรงหนุนจากการคลายความกังวลเรื่องสงครามการค้าระยะสั้นและผลประกอบการนอกกลุ่มการเงินของ บจ. สหรัฐฯ ที่คาดยังออกมาแข็งแกร่ง แต่ในประเทศยังขาดปัจจัยบวกใหม่กระตุ้นบรรยากาศลงทุน  ส่งผลให้ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยยัง Underperform ตลาดหุ้นทั่วโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 2 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

1. หุ้น Earning Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนกำไร 4Q67-1Q68 ที่คาดจะเติบโตดี เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก ADVANC, TRUE, AMATA, TIDLOR, MTC, AU และ HTC

2. หุ้น Real Sector ที่มีพื้นฐานดี โดยคัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุนและมองมี Downside Risk จำกัด เนื่องจากมีจุดแข็ง ดังนี้ 1) ปี 2568 คาดกำไรยังมั่นคงและสามารถเติบโตได้ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน  2) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง สภาพคล่องทางการเงินสูง อีกทั้งมองมีโอกาสซื้อหุ้นคืน หลังมี PBV < 1 เท่า 3) Valuation ไม่แพง โดยปัจจุบันซื้อขาย PER และ PBV ปี 68 ระดับต่ำกว่า -1SD และ 4) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 5% ซึ่งพบว่า มี 5 หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ BCP, AP, PTT, TU และ SPALI

3. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐอย่างการนำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC, HMPRO, TNP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT, AWC, ERW, AOT)

4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดสัปดาห์หน้าจะประกาศงบไตรมาส 4/67 กำไรเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน แนะนำ AOT, MINT และ 2) หุ้นที่คาดมีโอกาสเพิ่มอัตราจ่ายปันผล หรือ ซื้อหุ้นคืน เนื่องจากมี PBV ต่ำกว่า 1 เท่า และมีสภาพคล่องทางการเงินสูง เลือก PTT, KBANK, BBL และ KTB

สุกิจ อุดมศิริกุล

พัฒนาการของเหตุการณ์ด้านเศรษฐกิจสำคัญที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทรัมป์

	เหตุการณ์สำคัญ
1	ทรัมป์ประกาศเตรียมจะเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% พร้อมกับจีน 10% ก่อนที่จะประกาศชะลอการเก็บภาษีกับแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากที่ทั้งสองประเทศยอมทำตามข้อเรียกร้องเรื่องความมั่นคงชายแดน
2	จีนประกาศมาตรการตอบโต้ โดยจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ หลายรายการ เช่น น้ำมันดิบและเครื่องจักรการเกษตร (10%) รวมถึงถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (15%) มีผล 10  ก.พ. และดำเนินการสอบสวน Google ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด และเพิ่มบริษัท PVH (เจ้าของแบรนด์ Calvin Klein) และ Illumina เข้าสู่รายชื่อบริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือ
3	ทรัมป์เสนอให้สหรัฐฯ เข้าควบคุมฉนวนกาซาและพัฒนาให้เป็น “ริเวียร่า” โดยให้ย้ายชาวปาเลสไตน์ออกไปอยู่ประเทศอื่น และกลับมาคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันอิหร่านอีกครั้ง
4	รัฐบาลปานามากำลังพิจารณายกเลิกสัญญากับบริษัท Hutchison Ports PPC ที่ดำเนินการท่าเรือสองแห่งใกล้คลองปานามา รวมถึงเสนอให้เรือรบสหรัฐฯ ผ่านคลองได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

Source: INVX