SPALI กล้าเมื่อคนอื่นกลัว.!!

แม้ตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัว หลายผู้ประกอบการชะลอเปิดโครงการใหม่เพื่อประเมินตลาดอีกครั้ง แต่ปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา


แม้ตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัว หลายผู้ประกอบการชะลอเปิดโครงการใหม่เพื่อประเมินตลาดอีกครั้ง แต่ปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ประกาศเดินหน้าเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นเท่าตัว ถือเป็นตัวเลขมากสุดรอบ 10 ปี

จนเกิดคำถามขึ้นว่า SPALI เห็นโอกาสตรงไหน ถึงได้กล้า “เดินเกมรุก” ตลาดคอนโดมิเนียม ขณะที่ค่ายอื่น ๆ ต่างพากัน “หลบ” และ “หนี” ตลาดเซกเมนต์นี้..!!

“ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานกรรมการบริหาร SPALI เฉลยว่า เซกเมนต์บ้านเดี่ยวแม้มีการ “เติบโต” ได้ แต่การแข่งขันราคารุนแรงมาก โดยเฉพาะบ้านระดับราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป เพราะยอดขายช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ดีมาก เนื่องจากซัพพลายในตลาดมีมากและดีมานด์หายไป ค่อนข้างมากเมื่อเทียบช่วงโควิด

ส่วน “คอนโดมิเนียม” แม้ตลาดดูเหมือนจะหดตัวมากกว่าบ้านเดี่ยว แต่มีโอกาส “เติบโต” ได้ เพราะมีความต้องการจริงที่ซ่อนอยู่ (Hidden Demand) มาก โดยเฉพาะคอนโดระดับราคา 4-7 ล้านบาท ถือเป็นเซกเมนต์ดีที่สุด

โดย Hidden Demand ดังกล่าว แม้ท่ามกลางสถานการณ์ดูหดตัว แต่ผู้บริโภคมีความต้องการอยู่ เพียงแต่ไม่มั่นใจที่จะซื้อจากสถานการณ์ต่าง ๆ สะท้อนจากยอดขายคอนโดมีเนียมศุภาลัยปีที่ผ่านมา ถือว่าดีสุดรอบ 10 ปี แทบทุกโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมขายมียอดขาย 20 ยูนิตต่อโครงการ อีกทั้งอัตราการปฏิเสธสินเชื่อค่อนข้างน้อยมาก

ผนวกกับดีเวลลอปเปอร์หลายราย อาจเปิดโครงการใหม่ยากขึ้น บวกกับการทำ “ราคา” คอนโดได้ใกล้เคียงกับ 4-5 ปีที่แล้ว ระดับราคา 60,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร เพราะราคาที่ดินสมเหตุสมผลมากขึ้นและวัสดุก่อสร้างปรับลดลง จึงเชื่อว่าจะเป็นโอกาสและช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งได้ พร้อมสร้างการเติบโตช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

“ยอดขายช่วงเปิดตัวคงไม่สูงเหมือนสมัยที่คอนโดฯ เติบโต ปัจจุบันอยู่ที่ 30% จากสมัยก่อนอยู่ที่ 60-70% แต่ถ้าบริษัทมีความแข็งแรงมากพอ ที่จะรอจนโครงการเสร็จสมบูรณ์พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ได้ยอดขายมาแน่นอน”

นั่นจึงเป็นที่มาให้ปีนี้ SPALI กลับมาบุกตลาดคอนโดมิเนียมมากขึ้น โดยเปิดโครงการถึง 8 โครงการ แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ 5 โครงการ และต่างจังหวัด 3 โครงการ จากเดิมจะเปิดตัวไม่เกินปีละ 5 โครงการ  

ไม่เพียงเปิดเกมรุกตลาดคอนโดมิเนียมมากขึ้น แต่ปีนี้ SPALI ยกระดับตัวเอง จาก “บริษัทระดับชาติ” (National Company) สู่ “บริษัทข้ามชาติ” (Multi-National Company) หลังจากเริ่มรุกตลาดต่างประเทศมาหลายปี

ทั้งประเทศกลุ่มอาเซียน เช่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย ตลอดจนจีนและออสเตรเลีย ปัจจุบันมีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะออสเตรเลีย ปัจจุบันมีทั้งหมด 24 โครงการ ทำให้รายได้จากต่างประเทศ ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 10%

ไฮไลต์ปีนี้คือยอดขายจากออสเตรเลีย จะเติบโตเพิ่มขึ้น 100% จากปี 2567

นี่คือ..การมองยุทธศาสตร์แบบ “กล้าเมื่อคนอื่นกลัว” ที่ท้าทายยิ่ง..!!

ส่วนจะทำให้ปีนี้จะเป็น “ขาขึ้น” หรือ “ยุครุ่งเรือง” ของ SPALI ที่มีการเปิดตัวโครงการมากสุด และยกระดับตัวเองสู่ Multi-National Company ได้มากน้อยเพียงใด..ประเดี๋ยวได้รู้กัน..!!

สุภชัย ปกป้อง

Back to top button