ต้องฟื้นแอลทีเอฟ

ในเดือนมกราคม 2568 พบว่ามีการขาย LTF ออกมาเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปกติแล้วในเดือนมกราคมของทุกปี จะมียอดขายแอลทีเอฟประมาณ 4-5 พันล้านบาท


ในเดือนมกราคม 2568 พบว่ามีการขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ออกมาเกือบ 2 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ปกติแล้วในเดือนมกราคมของทุกปี จะมียอดขายแอลทีเอฟประมาณ 4-5 พันล้านบาท

จึงถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างผิดปกติ

มีข้อมูลจาก “มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช (ประเทศไทย)” ที่น่าสนใจ

มีการระบุว่า ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567 กองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ทั้งอุตสาหกรรมมีมูลค่าเกือบ 2.2 แสนล้านบาท

หากนับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีเงินไหลเข้าออกสุทธิ ดังนี้

ปี 2563 ไหลออก 10,710 ล้านบาท

ปี 2564 ไหลออก 19,410 ล้านบาท

ปี 2565 ไหลออก 31,238 ล้านบาท

ปี 2566 ไหลออก 22,854 ล้านบาท

ปี 2567 ไหลออก 37,697 ล้านบาท

ส่วนปี 2568 เฉพาะเดือนม.ค.มีเงินไหลออกสุทธิมากกว่า 18,000 ล้านบาท

การขายแอลทีเอฟที่ว่านี้ แม้ว่าตามข้อเท็จจริงคนที่สั่งขายคือ “ผู้ถือหน่วยลงทุน”

ทว่าในปีนี้ กลับพบความผิดปกติ เมื่อมีข้อมูลออกมาว่า มีบรรดา “อินฟลูเอนเซอร์” ที่มีทั้งบุคคลที่สถาปนานตนเองขึ้นมาเป็น “กูรู”, ผู้จัดการกองทุน, นักวิเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ ฯลฯ ต่างแนะนำให้ผู้ถือหน่วยปรับพอร์ต ขายแอลทีเอฟออกมา

ทำให้ผู้ถือหน่วยเชื่อ จึงสั่งให้กองทุนขาย

ส่วนเม็ดเงินที่ได้จากการขาย จะมีคำแนะนำให้ไปลงทุนต่อในสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ เช่น ตลาดหุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ หรือแม้กระทั่งกองทุนภาษีอื่น ๆ

พร้อมกับให้เหตุผล “ด้านลบ” กับตลาดหุ้นไทย

แรงขายแอลทีเอฟที่เกิดขึ้น ยังดีที่มีกองทนุรวมวายุภักษ์หนึ่งเข้ามารับในกลุ่มหุ้นเป้าหมาย

ทำให้ดัชนีไม่ได้รับแรงกดดันมากนัก (แรงกดดันหลักมาจากฟันด์โฟลว์)

ดูได้จากยอดเทรดของนักลงทุนสถาบันนับจากต้นเดือนม.ค.ถึงวานนี้ (10 ก.พ.) สถาบันขายสุทธิออกมาเพียง 3,103 ล้านบาท โดยเป็นยอดของเดือนมกราคมประมาณ 1 พันล้านบาท และอีก 1.9 พันล้านบาทเป็นของช่วงเดือนก.พ. 2568

คำถามคือว่า จะมีแรงขายแอลทีเอฟออกมาอีกหรือไม่

คำตอบ คือ หากอ้างอิงจากข้อมูลของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ AIMC (สมาคม บลจ.) ว่า แรงขายน่าจะเริ่มสะเด็ดน้ำแล้ว

หรือการขายแอลทีเอฟ น่าจะเริ่มเบาบางลง

ล่าสุดยอดเอยูเอ็มของกองทุนแอลทีเอฟ เหลืออยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท

ก่อนหน้านี้ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ “Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market” ที่จัดโดย “ข่าวหุ้นธุรกิจ” เมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

โจทย์ที่ “ทักษิณ” ตั้งไว้คือ จะทำอย่างไรไม่ให้เม็ดเงินจากกองทุนแอลทีเอฟถูกขายออกมา

หรือคือ ยังให้สามารถลงทุน หรือ “หมุน” อยู่ในตลาดหุ้นไทยได้ต่อไป

จึงเป็นที่มาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างพยายามที่จะหาแนวทาง เช่น การฟื้นกองแอลทีเอฟกลับมา ซึ่งเรื่องนี้บรรดา บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แสดงความเห็นด้วย และพร้อมสนับสนุนเต็มที่

แต่หากจะให้ดี เพอร์เฟกต์ นั้น แอลทีเอฟ จะต้องใช้เงื่อนไขเดิมทั้งสิทธิลดหย่อนภาษี และเงื่อนไขการลงทุน

เพราะไม่เช่นนั้น ปัญหาอาจไปซ้ำรอยกับ Thai ESG ที่ไปเปิดช่องให้ลงทุนในตราสารหนี้ ESG ได้

ผลคือ บรรดากองทุนต่างหอบเงินไปลุยตราสารหนี้กันเป็นส่วนใหญ่

ทำให้เม็ดเงินเข้าสู่หุ้น ESG ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button