![](https://media.kaohoon.com/wp-content/uploads/2024/03/CL_2024_monica.jpg)
ขายทิ้งลูกเดียว
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยทำท่าเหมือนจะดีขึ้นเป็นลำดับ แต่สุดท้ายก็ล่องจุ๊นอีกตามเคยแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ทำให้ “โมนิก้า” เจ็บกระดองใจ
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยทำท่าเหมือนจะดีขึ้นเป็นลำดับ แต่สุดท้ายก็ล่องจุ๊นอีกตามเคยแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ทำให้ “โมนิก้า” เจ็บกระดองใจพอ ๆ กับหงส์แดงโดนหมูกัด เพราะเป็นการทำลายความหวังที่จะได้เห็นดัชนีกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,300 จุดลงอย่างราบคาบ ยิ่งได้เห็นดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงกว่า 400 จุด พร้อมกับอธิบายแรงขายดังกล่าวมาจากเรื่องเทรดวอร์ กับตัวเลขจ้างงานต่ำ ก็ชี้ชัดว่า ทั่วโลกมีปัญหาเศรษฐกิจแน่นอนค่ะ
ที่น่าสนใจในระหว่างที่ “โมนิก้า” กำลังเร่งปิดต้นฉบับ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เป็นประเด็นร้อน ก็เหลือบไปเห็นดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีแรงซื้อเข้ามาเป็นระยะ จนปรับตัวขึ้นเกือบ 70 จุด แต่เรื่องดังกล่าวไม่สามารถช่วยให้ตลาดหุ้นไทยรอดพ้นจากแรงขายได้ ดัชนีเลยทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,270.49 จุด ลบไป 11.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.32 หมื่นล้านบาทแบบนี้ เขาเรียกอาการแบบนี้ว่า “ขายทิ้งลูกเดียว” พะย่ะค่ะ
เนื่องจากเห็นกันทนโท่ว่า สถานการณ์ตอนนี้ไม่ปกติหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งเห็นได้จากแรงขายที่สาดใส่หุ้นใหญ่กลางเล็กไม่ยั้ง โดยเฉพาะหุ้นที่ประกาศ “งบดี” หรือ “งบไม่ดี” ล้วนอยู่ในกลุ่มถูกขายแบบจัดเต็มทั้งนั้น หรือเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ “Sell on Fact” แต่ที่น่ากังวลมากขึ้นคือ ตอนนี้มีการเปรียบเทียบตัวเลขกำไรไตรมาส 4 ปี 67 กับกำไรไตรมาส 3 ปี 67 “ดีขึ้น” หรือ “แย่ลง”..ถ้าแย่ลงโดนถล่มไม่เลี้ยง (ตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว) นะคะ
ขนาดหุ้นลูกอ๊อด AOT มีสตอรี่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นแบ็กอัพ ก็ถูกขายเหมือนบริษัทกำลังมีปัญหาใหญ่ “โมนิก้า” จึงขอเดาเกมไปข้างหน้าว่า ราคาหุ้นมีโอกาสลงลึกกว่าโลว์ครั้งก่อนที่ทำไว้บริเวณ 53.25 บาท หลังวานนี้หุ้นลงมายืนอยู่ที่ระดับ 54.25 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 3.13% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.28 พันล้านบาท โดยทิศทางของหุ้นยังอยู่ในลักษณะไซด์เวย์ดาวน์แบบนี้..รอดยากเจ้าค่ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้น TISCO เป็นรายถัดมา เพราะเป็นหุ้นใหญ่อีกหนึ่งตัวที่ราคาหุ้นลง 3 วันติด ทั้งที่ผลงานปี 67 ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนัก แถมในช่วง 3 ปีหลังมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ระดับ 7% จึงกลายเป็นหุ้นที่ควรค่าแก่การลงทุนอย่างแท้ทรู! เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 98 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 0.76% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 588 ล้านบาท น่าเล่นจริงไหมจ๊ะ
สถานการณ์ข้างต้นทำให้อีฉันต้องเอ่ยถึงหุ้นปูนใหญ่ SCC ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะอะไรที่ไม่เคยได้เห็น วันนี้ก็ได้เห็นแบบเต็มสองลูกตา “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนประเมินการทำโลว์ต่อเนื่อง พร้อมกับยืนปิดที่ระดับ 145.50 บาท ลบไป3.50 บาท หรือลงไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 484 ล้านบาท โดยมีเรื่องบันทึกกำไรพิเศษเข้ามาช่วยดันกำไรเป็นที่ข้องใจของนักเล่นแบบนี้..กำไรเพียว ๆ จะดีกี่โมงค่ะ
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ สถานการณ์ของหุ้น CCET ที่มีลักษณะแกว่งตัวออกด้านข้างในกรอบ 7-8 บาทเป็นเวลาสัปดาห์กว่า ๆ โดยผู้คนกังวลกันว่า การมาของ AI จะทำให้บริษัทมีปัญหาเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไร ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดเช่นกัน เพราะวันนี้ตลาดหุ้นไทยถูกปกคลุมด้วยความไม่ชัดเจน อีฉันเลยไม่แน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 7.30 บาท ลบไป 0.55 บาท หรือลงไป 7.01% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 977 ล้านบาท เหมาะต่อการลงทุนจริงไหม?
เรื่องดังกล่าวถูกย้ำหัวหมุดด้วยแรงขายที่สาดใส่หุ้น BE8 แบบไม่แผ่ว เพราะขนาดบริษัทนี้เป็นที่ปรึกษาเรื่อง “Digital Transformation” และเป็นตัวแทนขายซอฟต์แวร์ชั้นนำอย่างกูเกิล ยังเผชิญกับปัญหากำไรไม่เป็นไปตามเป้า ซึ่งกดดันให้นักลงทุนรินหุ้นออกมาเรื่อย ๆ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนเข้าเขต Oversold จึงเกิดเด้งทางเทคนิควานนี้ราคาหุ้นยืนอยู่ที่ระดับ 13.50 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 26 ล้านบาท มีโอกาสลงต่อสูงนะตัวเอง
ขนาดหุ้น TEAMG ได้ชื่อเป็นหุ้นที่ทำกำไรสม่ำเสมอเป็นเวลาหลายปี ก็ยังถูกรินขายออกมาเป็นระยะแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับบรรยากาศลงทุน และความมั่นใจของผู้เล่นเป็นหลัก จึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นลงมายืนที่ระดับ 2.76 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 6.76% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36 ล้านบาท เพราะมันเป็นจังหวะที่บังคับให้หลายคนต้องเผ่นก่อนน่ะซี
โมนิก้า: และทีมงาน