หุ้นไทยคัมแบ็ก?

วานนี้เป็นอีกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยพุ่งแรงแซงทุกทางโค้งตั้งแต่หัววัน พร้อมกับขึ้นไปถึงระดับ 1,298.72 จุด โดยกลุ่มหุ้นใหญ่กลับมาโลดแล่นบนกระดานหุ้นอย่างเฉิดฉาย


วานนี้เป็นอีกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยพุ่งแรงแซงทุกทางโค้งตั้งแต่หัววัน พร้อมกับขึ้นไปถึงระดับ 1,298.72 จุด โดยกลุ่มหุ้นใหญ่กลับมาโลดแล่นบนกระดานหุ้นอย่างเฉิดฉาย “โมนิก้า” ย่อมรู้สึกแฮปปี้เหมือนกับคนอื่น ๆ เพราะเหมือนเป็นการปลดล็อกตลาดหุ้นไทยให้พ้นจากขาลงชั่วคราว จึงทำให้ทุกคนเชื่อว่า การขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,300 จุดไม่ใช่เรื่องยากแบบนี้..ไม่รู้ว่าอีฉันหวังมากเกินไปอ๊ะป่าว?

โดยเฉพาะแรงซื้อที่มาจากต่างชาติถือเป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” มีความเชื่อขึ้นมาอีกครั้งว่า ทุกอย่างกำลังดีขึ้นเป็นลำดับ ผนวกกับผลงานของบริษัทจดทะเบียนก็ไม่แย่เหมือนที่กังวล จึงกลายเป็นจังหวะที่ขาลุยกลับมาใส่แบบสุดซอยอีกรอบ รวมทั้งจังหวะนี้มีปันผลเป็นของแถมติดปลายนวม เลยทำให้นักเล่นสบายใจไปเปราะหนึ่ง และตัวอีฉันเองก็อยากเห็นสภาพตลาดหุ้นดี ๆ แบบนี้อยู่กับเราไปนาน ๆ พะย่ะค่ะ

งานนี้เลยต้องชมว่า การมาของกองทุน LTF ช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้ามาเก็บหุ้นอีกครั้ง เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า กองทุนดังกล่าวมักเข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่เป็นลำดับแรก ถัดมาก็เป็นหุ้นขนาดเล็กที่ทำผลงานได้ดี ซึ่งกลายเป็นผลพลอยได้ที่ทำให้รายย่อยเข้ามาตะลุยหุ้นเล็กอย่างสนุกสนาน “โมนิก้า” ถึงหวังในใจลึก ๆ ว่า สิ่งที่คิดจะเป็นจริงในวันถัดไป แต่สุดท้ายความหวังก็พังทลาย หลังดัชนีย่อตัวลงเหลือเพียงปิดที่ระดับ 1,284.11 จุด บวกไป 0.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.31 หมื่นล้านบาทน่ะซี

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้นแบงก์สีเขียว KBANK ขึ้นมาเป็นลำดับแรก หลังมีแรงขายทยอยออกมาเป็นระลอก จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 155 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.44 พันล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้กับฐานเก่าที่เคยเป็นจุดเด้งของหุ้น 2 ครั้งก่อนแบบนี้..คุณ ๆ ท่าน ๆ คิดว่า วันนี้หุ้นควรจะ “ขึ้น” หรือ “ลง” ช่วยตอบด้วยนะจ๊ะ

เช่นเดียวกับในรายของหุ้นโรงหมอ BDMS ย่ำฐานมาร่วมสัปดาห์แบบนี้ “โมนิก้า” ตีความได้อย่างเดียวว่า แรงขายสะเด็ดน้ำแล้วจริง ๆ ซึ่งเป็นจังหวะของการทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตอย่างแน่นอน และเรื่องนี้ถูกสำทับด้วยการเทรดบน PE 23 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 4 ปี อีฉันเลยมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 22.60 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.31% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 947 ล้านบาท มีดาวน์ไซด์ที่ต่ำมาก ๆ นะนายจ๋า!

สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงน้องท็อป TOP เป็นรายถัดมา เพราะเมื่อดูจากการสางปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า สถานการณ์หลายอย่างดีขึ้นเป็นลำดับ จนความคลุมเครือเริ่มจางหายไปเรื่อย ๆ ผนวกกับหุ้นยืนย่ำฐานเป็นเวลา 4 วัน จึงเชื่อว่า การที่หุ้นยืนในระดับ 24.30 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 805 ล้านบาท เหมาะต่อการลงทุนก็เท่านั้นเองค่ะ

เมาท์ถึงเรื่องน่าลงทุนขึ้นมาทั้งที ย่อมมีชื่อของหุ้น OR ขึ้นมาเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 12.20 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 7.02% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 603 ล้านบาท พร้อมกับคำอธิบายงบไตรมาส 4 ดีขึ้นอย่างแจ่มแจ้ง แต่ทั้งปีกำไรลดฮวบแบบนี้..เหมือนเป็นการมองข้ามช็อตไปถึงไตรมาส 1 ปี 68 งบจะออกมาดีอย่างนี้ เดี๊ยนคงบอกได้แค่ว่า เอาที่สบายใจนะตัวเอง

เช่นเดียวกับขาลุยที่เข้ามาไล่หุ้นนางงาม MGI แบบดุเดือดเลือดพล่าน จนราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 10.60 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 6.53% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 27 ล้านบาท ทั้งที่งบปีโต 1% กว่า ๆ แต่มีการอัดปันผล 0.23 บาทต่อหุ้นเป็นรางวัลปลอบใจ ก็เป็นเรื่องที่นักเล่นต้องไปประเมินกันเอาเองว่า คุ้มไหม? เพราะโจทย์ใหญ่ที่หลายคนตั้งคำถามในตอนนี้คือ ไตรมาส 1 ปี 68 งบจะออกมาเริ่ดไหม? ..อิอิอิ

ปิดท้ายกันที่เรื่องฉาวของธุรกรรมที่เกิดขึ้นกับ QLT กันดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้อีฉันได้เปิดประเด็นทิ้งไว้ และมีคนร้อนตัวกับประเด็นดังกล่าว วันนี้เลยขอขยายความเกี่ยวกับการซื้อบริษัทที่รับบริหารอาคารชุดได้แค่ปีเดียว ต่อจากนั้นก็ปิดบริษัทหน้าตาเฉย โดยให้เหตุผลขาดทุนเป็นจำนวนมาก ก่อนจะขายทิ้งในราคา 1 บาทแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องประหลาดสุด ๆ และมีเสียงลอยมาตามลมว่า เสี่ย.ก น่าจะไขปริศนาได้แบบนี้..ช่วยไปให้ข้อมูลกับ ก.ล.ต. ด้วยนะจ๊ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button