หุ้นที่ควรมี!

หลังจากอีฉันตกอยู่ในสถานการณ์ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” มาเป็นเวลานาน และสาละวนอยู่กับการขึ้นลงของหุ้นในแต่ละวันมากเกินไป ก็ถึงเวลาที่จะพูดถึงหุ้นพื้นฐานดีที่เหมาะต่อการทยอยสะสม


หลังจากอีฉันตกอยู่ในสถานการณ์ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” มาเป็นเวลานาน และสาละวนอยู่กับการขึ้นลงของหุ้นในแต่ละวันมากเกินไป ก็ถึงเวลาที่จะพูดถึงหุ้นพื้นฐานดีที่เหมาะต่อการทยอยสะสม ซึ่งเป็นผลมาจากราคาหุ้นลงมากเกินไป ท่ามกลางผลการดำเนินงานยังทำได้ดีนั้น มันคือโอกาสของการลงทุนอย่างแท้จริง เพราะราคาหุ้นคงไม่ทิ้งตัวลงแรงเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้วน่ะซี

งานนี้จะ “เชื่อ” หรือ “ไม่เชื่อ” ก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องถกเถียงให้เสียเวลา เพราะแค่เปิดใจรับข้อมูลหลายด้านไปพร้อมกัน ก็จะรับรู้ได้ด้วยตนเองว่า หุ้นเหล่านี้น่าเล่นไหม? ขณะเดียวกันน่าจะทำให้นักเล่นเข้าใจเหตุผลที่ดัชนียังพยายามเทคตัวขึ้นไปยืนเหนือ 1,300 จุดตลอดเวลา เพราะในมุมของแวลูมันชี้ชัดว่า ดัชนีควรขึ้นไปยืนแถว 1,500 จุด แต่วันนี้ดัชนียังยืนอยู่ที่ระดับ 1,272.10 จุด ลบไป 12.01 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5 หมื่นล้านบาทอยู่เลยจ้า!

โดยเฉพาะในรายของน้องมินต์ MINT ก็เห็นกันทนโท่ว่า ผลงานในปี 67 โตดีเหลือเกิน และในปี 68 ก็คงโตได้อีก เพราะธุรกิจท่องเที่ยวยังอยู่ในช่วงขาขึ้น “โมนิก้า” จึงเห็นด้วยที่ราคาหุ้นไต่เพดานขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 27 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 576 ล้านบาท แถมได้แรงหนุนจากราคาเป้าหมายที่โบรกฯ ให้ไว้บริเวณ 38 บาทแบบนี้..ไม่มีหุ้นตัวนี้ได้ไงคะ

เช่นเดียวกับในรายของ MTC ก็ยังอยู่ในลู่ทางที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็พยายามคุม NPL ให้ลดลงแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจแง่ของการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ จึงอยากให้นักลงทุนพิจารณาการยืนปิดที่ระดับ 43.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 125 ล้านบาท เทียบกับราคาเป้าหมายที่ระดับ 58 บาท มันมีความเสี่ยงในการเล่นแค่ไหน?..ถามใจเธอดูนะคะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นปลากระป๋อง TU ถูกรินขายออกมาเรื่อย ๆ ทั้งที่ปี 67 กลับมาทำกำไรอีกครั้ง และเมื่อดูจาก BV ที่ระดับ 13.20 บาท ควบคู่กับราคาเป้าหมายที่ระดับ 16.90 บาท “โมนิก้า” ก็รู้ได้ทันทีว่า การยืนปิดที่ระดับ 11.60 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 335 ล้นบาท เหมาะต่อการทยอยสะสมอย่างแน่นอน..ยกเว้นเรื่องเทรดวอร์จะมีอิมแพ็คงบไตรมาส 1 ปี 68 อีฉันก็ต้องถอยฉากเหมือนกันค่ะ

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น CPALL เพื่อชี้ให้เห็นว่า บรรดาโบรกเกอร์ต่างให้ราคาเป้าหมายถึงระดับ 80 บาท แต่ที่ผ่านมาตัวบริษัทแส่หาเรื่องเป็นประจำ จนผู้คนเกิดความกังวลในหลายด้านด้วยกัน อาทิเช่น อาจมีการเพิ่มทุน หรือต้องกู้เงินเพิ่ม หรือแม้กระทั่งดีลที่ทำจะฉุดให้ขาดทุน แต่ทันทีที่ทุกอย่างเคลียร์ หุ้นก็เริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง และทำให้การยืนปิดเสมอตัวที่ 49.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.75 พันล้านบาท น่าสนใจนะจ๊ะ

ส่วนรายที่ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลหนักอย่าง PTTEP ดันกลายเป็นหุ้นที่ราคา “ทรุดเอา..ทรุดเอา” พร้อมกับแกว่งตัวไปมาในกรอบ 120-130 บาทเป็นเวลาเดือนครึ่ง และเมื่อดูจากเป้าหมายที่โบรกเกอร์ให้ไว้บริเวณ 165 บาท “โมนิก้า” ย่อมเกิดอาการตาลุกวาวในทันที เพราะการที่หุ้นยืนปิดในระดับ 126 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.04 พันล้านบาท มันเหมาะต่อการทยอยสะสมนะตัวเอง

สำหรับขาลุยที่ต้องการสร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิต “โมนิก้า” ขอแนะนำให้มองไปที่หุ้น EA เพื่อเกาะกระแสเก็งกำไรแบบยาว ๆ เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.64 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 6.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 416 ล้านบาท น่าจะเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ดีลขายโรงไฟฟ้ามูลค่า 8 พันล้านบาทเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสภาพคล่องดีขึ้น และนำมาฟื้นธุรกิจอีกครั้งกระมัง!..ลองตามข่าวกันเองอีกทีนะคะ

ปิดท้ายกันที่หุ้นลูกอ๊อด AOT หลังมีเรื่องที่ทำให้นักลงทุนช็อกซีนีม่าเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับมีพูดถึงลูกหนี้บางรายทำธุรกิจแล้วหมุนเงินไม่ทัน! และขอความเห็นใจให้ยืดหนี้ออกไปก่อน ทำให้ทุกคนหันไปมองคิง เพาเวอร์อย่างพร้อมเพรียง เพราะมีสัดส่วนรายได้ 50% ราคาหุ้นจึงทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 47 บาท ลบไป 7.50 บาท หรือลงไป 13.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.72 พันล้านบาทอย่างรวดเร็ว และต้องรอให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงอีกครั้งแบบนี้..หุ้นซึมต่อชัวร์เจ้าค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button