พาราสาวะถี

การแก้ไขรัฐธรรมนูญถ้าจะมองเป็นเรื่องใหญ่ก็เป็นเฉพาะมิติทางการเมือง ที่ถูกโหมประโคมจากฝ่ายค้านเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล ถึงขนาดเรียกร้องให้ แพทองธาร ชินวัตร ยุบสภาแสดงความรับผิดชอบ ขณะที่ซีกรัฐบาลก็เป็นบทบาทที่จะต้องแสดงออกตามแนวทางของแต่ละพรรคที่ได้วางกันไว้ ส่วนภาคประชาชนถ้าไม่ใช่นักเคลื่อนไหว หรือกลุ่มที่เรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมรดกของเผด็จการสืบทอดอำนาจแล้ว ล้วนแต่มองแทบไม่ต่างกันเป็นเรื่องไกลตัว แก้ไม่แก้ไม่ใช่สาระสำคัญเท่าปัญหาปากท้อง คุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่

ดังนั้น โจทย์ใหญ่ของแพทองธารทั้งในฐานะผู้นำรัฐบาล และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยย่อมเป็นการเดินหน้าทำตามนโยบายด้านเศรษฐกิจทั้งการกระตุ้น การลดต้นทุนชีวิต เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับการปราบปรามปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ตัวถ่วงความเจริญ ทั้งยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะเห็นได้ว่าทั้งสองเรื่องกำลังดำเนินการควบคู่กันไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะกรณีที่กำลังเห็นผลจากมาตรการเด็ดขาดตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต และงดส่งน้ำมันไปยัง 5 พื้นที่ชายแดนเมียนมา

เห็นกันแล้วตั้งแต่ที่นายกรัฐมนตรีหญิงสั่งการให้ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย เรียกประชุมด่วนสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. และมีมติให้จัดการเรื่องนี้เด็ดขาดในวันรุ่งขึ้น พร้อม ๆ กับการปรากฏตัวของ หลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน ในวันเดียวกันกับที่มีการประชุมก่อนดำเนินการเรื่องนี้กับเมียนมา มันคือความสอดคล้องของการประสานงานทั้งด้านข้อมูลและความร่วมมือ ก่อนที่แพทองธารจะเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ

เช่นเดียวกัน ล่าสุด หลิว จงอี ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยอีกครั้ง โดยเดินทางมาที่สนามบินดอนเมือง ก่อนจะนั่งเครื่องต่อไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด จังหวัดตาก มีคณะร่วมเดินทางจำนวน 26 คน จากนั้นข้ามไปยังจังหวัดเมียวดี ของเมียนมาไปพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเมียนมา และไปยังพื้นที่ในเมืองชเวโก๊กโก่ ที่เป็นพื้นที่ซึ่งเจ้าหน้าที่เมียนมาได้คัดกรองชาวจีนที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกให้มาทำงาน

หลังจากนั้นนำคนจีนที่ได้รับการช่วยเหลือล็อตแรกประมาณ 500-600 คน ข้ามมายังฝั่งประเทศไทย โดยทางการจีนได้จัดเครื่องบินเช่าเหมาลำมารับกลับประเทศ โดยใช้ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด ในการเดินทางกลับ เหล่านี้ย่อมดำเนินไปในลักษณะของการประสานงานระหว่างประเทศ ที่แพทองธารได้ย้ำในช่วงของการเดินทางเยือนจีน และหลังการกลับมาถึงประเทศไทยว่า การแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติที่ร่วมมือกับจีน จะเป็นไปในลักษณะของคณะทำงานร่วม

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้มีการเรียกบิ๊กอ้วน พร้อมด้วย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหม พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล 

เป็นการเรียกหารือในการขับเคลื่อนงานเสริมสร้างความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ และปัญหายาเสพติด เน้นไปที่มาตรการการตัดเส้นทางลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิง ตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถือเป็นมาตรการที่เด็ดขาดและได้ผล โดยนายกฯ เร่งรัดคณะกรรมการนโยบายด้านชายแดนให้ขยายแผนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และให้รายงานกลับมาอีกครั้งในเวลา 1 เดือน

มีการประเมินด้วยว่าจากผลการดำเนินการดังกล่าว เป็นผลทำให้การก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ การพนันผิดกฎหมาย การหลอกลวงทางคอลเซ็นเตอร์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้านที่มีนโยบายที่เด็ดขาดต่อกลุ่มอาชญากรรมที่ผ่านมา ความจริงลำพังการประสานงานจากฝั่งไทยเพียงฝ่ายเดียว คงไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ และคงไม่น่าที่จะนำไปสู่การตัดสินใจดำเนินมาตรการเด็ดขาดดังว่าได้

เหมือนที่อุ๊งอิ๊งตอกย้ำผ่านรายการ “โอกาสไทยกับนายกฯ แพทองธาร” ตอนพิเศษเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ต่อความสำเร็จในการเดินทางเยือนจีน ในเรื่องความร่วมมือการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ที่ทั้งสองประเทศได้พูดคุยอย่างจริงจัง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ชื่นชมไทยที่จัดการเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด และจะตั้งทีมทำงาน 2 ทีมเพื่อช่วยกันในเรื่องนี้ โดยจีนประสงค์จะช่วยมากกว่านี้แต่ได้ขอแค่การตั้ง 2 ทีมที่จะสามารถสั่งการได้อย่างรวดเร็ว มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศช่วยกำกับดูแลในการพูดคุยของทั้ง 2 ทีม สามารถหาข้อสรุปได้ทันที

นี่ถือเป็นการรุกคืบครั้งใหญ่นับตั้งแต่ประเทศไทยเผชิญปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลายปีดีดัก ถึงขนาดที่ประกาศเรื่องนี้จะต้องหมดไปภายในปีนี้ ส่วนที่เหล่ามิจฉาชีพพวกนี้จะย้ายฐานจากเมียนมาไปกัมพูชานั้น การได้จีนเข้ามาเป็นหัวหอกสำคัญต่อการจัดการเรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ประเทศอื่นต้อนรับ หรือร่วมมือกับเหล่าอาชญากรข้ามชาติ ประกอบกับความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างพ่อนายกฯ หรือแม้แต่ตัวแพทองธารเอง กับฝ่ายกุมอำนาจของเขมร ย่อมที่จะสามารถประสานขอความร่วมมือในการจัดการได้ไม่ยาก

ถือเป็นการเร่งสร้างผลงานเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน แน่นอนว่า ฝ่ายตรงข้ามย่อมหาประเด็นเพื่อเร้ากระแส ที่จะตีคู่กันมากับข่าวคราวการปรับ ครม. พอดีกับจังหวะการเปิดปมอ้างว่าที่ดินสนามกอล์ฟของ อนุทิน ชาญวีรกูล มีปัญหาจนเสี่ยหนูถึงกับตบะแตกว้ากลั่น “หน้าตัวเมีย” จนมีการหวั่นใจว่าจะกลายเป็นชนวนทำให้เกิดการแตกหักภายในรัฐบาลหรือไม่ การเมืองเป็นเรื่องชิงไหวชิงพริบ ยุคนี้ต้องยอมรับว่า รัฐบาลพลิกขั้วไม่ว่าพรรคใดก็ตามมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ต่างท่องคาถา “อยู่ให้เป็นเย็นให้พอ” กันทั้งนั้น โกรธได้แต่ไม่ถึงขั้นต้องหักด้ามพร้าด้วยเข่า

อรชุน