GPSC ราคาไม่สะท้อนกำไร.!

ถ้าจะบอกว่าสถานการณ์ของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในช่วงที่ผ่านมาไม่ต่างจากการถูกไฟช็อตอยู่เป็นระยะ ๆ ก็คงไม่ผิดกระไร...


ถ้าจะบอกว่าสถานการณ์ของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในช่วงที่ผ่านมาไม่ต่างจากการถูกไฟช็อตอยู่เป็นระยะ ๆ ก็คงไม่ผิดกระไร…เพราะเจอทั้งการแทรกแซงจากภาครัฐเรื่องลดราคาค่าไฟฟ้าที่พยายามกดให้ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.7 บาทต่อหน่วย แล้วไหนจะมีเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนยวบยาบกดดันอีก ทำให้เกิดแรงแพนิกเทขายหุ้นไฟฟ้ากันอย่างหนัก จนราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ต่ำบุ๊กเกือบทุกแห่ง…

โดยเฉพาะบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ในกลุ่มปตท. ที่ีมีพอร์ตโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) มากสุดตัวหนึ่ง ราคาลงลึกสุดใจ…ล่าสุดอยู่ที่ 30 บาท ซึ่งต่ำกว่าบุ๊กแวลูที่ 37.44 บาท และมีอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) อยู่ที่ 0.77 เท่า

ขณะที่ ราคาหุ้นในรอบ 6 เดือน ปรับลดลงไป 25.64% ส่วนรอบ 3 เดือน ราคาปรับลดลง 29.27% และรอบ 1 เดือน ราคาปรับลดลง 4.92% เพิ่งจะโงหัวขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันมานี้…

แต่ทว่า..งบที่ออกมาดูดีไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะ ปรากฏชัดจากงบในไตรมาส 4/2567 มีกำไรสุทธิ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 478 ล้านบาท และมีรายได้รวม 21,583 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 18,494 ล้านบาท

หนุนให้งบปี 2567 โชว์กำไรสุทธิ 4,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 3,694 ล้านบาท และมีรายได้รวม 90,730 ล้านบาท ลดลง 0.4% จากปี 2566 ที่มีรายได้รวม 91,079 ล้านบาท

กำไร GPSC ในไตรมาส 4/2567 ที่เติบโตโดดเด่น สาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มขึ้น 1,033 ล้านบาท จากราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากค่า Ft ที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินลดลง ประกอบกับความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะเดียวกัน มีเงินปันผลส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า 473 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 219 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 86% หลัก ๆ มาจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโครงการไซยะบุรี (XPCL) เพิ่มขึ้นจากปริมาณระดับน้ำที่มากขึ้น ทำให้ปริมาณการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น

นอกจากนี้ ในส่วนของรายได้และค่าใช้จ่ายอื่นยังปรับลดลง 222 ล้านบาท หรือลดลง 30% เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับเงินชดเชยความเสียหายจากประกันภัย (บางส่วน) จากกรณีโรงไฟฟ้า GEN Phase 5 หยุดเดินเครื่องนอกแผนงานจำนวน 431 ล้านบาท

เลยทำให้ตัวเลขบรรทัดสุดท้ายของ GPSC ไม่ได้แย่อย่างที่คิด..!! แต่น่าเสียดายที่ราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนกำไรที่ดีเท่าที่ควร…

โอเค…เข้าใจแหละว่า GPSC ยังมีปมการแทรกแซงค่าไฟฟ้าของภาครัฐที่มีความพยายามปรับลดค่าไฟฟ้าให้ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.7 บาทต่อหน่วย ตามหลอกหลอน…

แต่ถ้าส่องปัจจัยพื้นฐานของบริษัทก็ไม่ได้เลวร้ายนะ โดยในปี 2568 จะได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของโครงการ Avaada ซึ่งทยอย COD ต่อเนื่อง จาก 2,000 เมกะวัตต์ ในปี 2567 เป็น 8,700 เมกะวัตต์ ในปี 2570 และโครงการ CFXD 149 เมกะวัตต์ เดินเครื่องเต็มในปี 2568 รวมถึงโครงการไซยะบุรี ซึ่งคาดว่าไม่มีหยุดเดินเครื่องอีก…

โดยนักวิเคราะห์ประเมินในปี 2568 น่าจะเห็นกำไรปกติเติบโตราว 10-20% จากปีก่อน จากต้นทุนถ่านหินที่ลดลง ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากนโยบายการปรับลดค่าไฟฟ้า รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะจากโครงการไซยะบุรี ซึ่งแนวโน้มปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น

ส่วนราคาหุ้นที่ลึกสุดใจ…แต่ทว่ากำไรไม่ได้แย่อย่างที่คิดนั้น..!!

…นี่คือโอกาสเข้าลงทุนหุ้น GPSC แล้วสินะ…

อย่างน้อย ๆ ถือเพื่อรับเงินปันผลงวดปี 2567 ที่ประกาศจ่าย 45 สตางค์ กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 มี.ค. 2568 ก็ไม่เลวนะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button