พาราสาวะถี

เป็นไปตามที่บอกกรณีการเดินหน้ามาตรการเด็ดขาดจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล ต้องได้รับการสนับสนุน ร่วมกับทางจีนและเมียนมา


เป็นไปตามที่บอกกรณีการเดินหน้ามาตรการเด็ดขาดจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล ต้องได้รับการสนับสนุน ผ่านกระบวนการสืบเสาะเจาะค้นข้อมูลร่วมกับทางจีนและเมียนมา มิเช่นนั้น แพทองธาร ชินวัตร จะไม่กล้าประกาศด้วยท่วงทำนองขึงขัง ดุดัน อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกกระบวนท่าที่บอกไปก่อนหน้าล้วนแต่สอดประสานกันอย่างลงตัว เหมือนที่ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ยอมรับ เรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ทำงานร่วมกันมา 2 เดือนแล้ว ระหว่างไทย เมียนมา และจีน

ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็นการเข้ามาขับเคลื่อนงานของ หลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ ของจีนในช่วงนี้ แต่ก็ไม่วายเกิดประเด็น การเข้าออกชายแดนไทยเป็นว่าเล่นนั้นเป็นการใช้อภิสิทธิ์ มีอธิปไตยเหนือกฎหมายไทยหรือไม่ เรื่องนี้ พลตรี ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงชัดเจนการเดินทางเข้าออกไทย-เมียนมา ในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และข้ามไปจังหวัดเมียวดี ของเมียนมาบ่อยครั้ง เพราะหลิว จงอี เป็นบุคคลซึ่งรัฐบาลจีน โดยความเห็นชอบของรัฐบาลไทยให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ หรือภารกิจในราชอาณาจักร

เป็นไปตามมาตรา 15 (3) ของ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 11 และมาตรา 18 วรรคสอง สรุปคือถ้ารัฐบาลจีนส่งมาแล้วรัฐบาลไทยอนุญาต ก็สามารถเข้ามาช่วยเหลือรัฐบาลไทยเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ ส่วนการข้ามแดนจากไทยไปเมียนมา จากเมียนมากลับมาไทย ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 18 วรรคสอง โดยบทบัญญัติวรรคแรกบัญญัติว่า พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจบุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร

วรรคสองระบุว่า เพื่อการนี้ บุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร ต้องผ่านการตรวจอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่ของด่านตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น และถ้าผู้นั้นเป็นคนต่างด้าวต้องยื่นรายการตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวงด้วย กรณีนี้ผู้ช่วยรัฐมนตรีของจีนไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการก็ได้ แต่การเดินทางเข้าออกตั้งแต่ที่เดินทางมา มีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยเป็นคนอำนวยความสะดวก พาออกไปแล้วพากลับเข้ามา ถือว่าเป็นการให้เกียรติและเคารพต่อกระบวนการทางกฎหมายของไทย

จับทิศทางจากกระบวนการความร่วมมือดังว่า ประเทศไทยเหมือนเป็นตัวหลักในการรับผิดชอบเรื่องปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาตรการกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ถือว่าค่อนข้างได้ผลคือ การตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และไม่ส่งน้ำมันไปให้เมียนมา โดยที่ก่อนหน้า 3 ฝ่ายได้คุยกันแล้วว่าชายแดนทั้ง 3 แห่งคือ แม่สาย จังหวัดเชียงราย แม่สอด จังหวัดตาก และสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีจะปิดทั้งหมด แต่ไม่ได้ปิดตาย เมื่อมาตรการแรกได้ผลแล้ว ต้องดูว่าสามารถเดินหน้าจัดการให้อยู่หมัดได้หรือไม่

การเดินทางข้ามฝั่งไปเมียนมาของหลิว จงอี ที่ทำอย่างเปิดเผยมีการเผยแพร่ข่าวการพบปะกับ พลตรี อ่อง จ่อ จ่อ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยของเมียนมา ที่เป็นตัวแทนรัฐบาล ณ ศูนย์บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง BGF ถือเป็นการส่งสัญญาณให้ได้รับรู้โดยทั่วกัน งานนี้เอาจริงขนาดไหน ภารกิจที่เหลือจึงเป็นเรื่องของทางการเมียนมา และชนกลุ่มน้อย ที่จะต้องเข้าไปจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้สิ้นซาก ส่วนจีนก็จะทำหน้าที่พาประชาชนของตัวเองที่ถูกหลอกกลับประเทศ พร้อมคัดกรองจัดการกับกลุ่มจีนเทา

ขณะที่ประเทศไทยเมื่อได้ดำเนินมาตรการที่ควรจะทำไป และรับผิดชอบในการปราบปรามตัวการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปแล้ว ก็จะกลับมาอยู่ในโหมดผู้สนับสนุน การช่วยเหลือคนที่อยู่ในเมียวดี หลังจากนี้จะถูกนำตัวทุกคนเข้าสู่กระบวนการของเมียนมาในการจัดการทั้งหมด ถ้ามีการทำหนังสือมายังฝ่ายทหาร และกระทรวงต่างประเทศของไทย อะไรที่คิดว่าจะผ่านประเทศไทย ก็ให้ประสานมา ซึ่งไทยจะทำหน้าที่ติดต่อกับประเทศของผู้ที่ผ่านกระบวนการคัดกรองมาแล้วเพื่อส่งกลับประเทศ กรณีคนจีนทางการจีนก็จะดำเนินการเองทั้งหมด

พอฉายภาพออกมาอย่างนี้ ก็ทำให้มองเห็นอนาคตต่อการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้อยู่หมัด อย่างไรก็ตาม จังหวะที่กำลังโชว์ผลงานเข้าตา ดันมีเหตุทำให้เกิดภาพความบาดหมางกันระหว่างสองพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทยกับกล้าธรรม เพราะ อนุทิน ชาญวีรกูล ถูกตรวจสอบปมที่ดินสนามกอล์ฟที่เขาใหญ่ ซึ่งคนเปิดประเด็นทำให้เป็นข่าวก็คือ ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยหัวโขนสำคัญคือการเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มองกันได้ว่าการปูดข้อมูลย่อมมีเบื้องหลัง เหมือนอย่างที่เสี่ยหนูว่าห้าร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นเกมการเมือง ถึงขั้นควันออกหูหลุดวลีเด็ด “หน้าตัวเมีย” งานนี้คงไม่ต้องถึงมือพรรคแกนนำอย่างเพื่อไทยให้เข้ามาช่วยเคลียร์ ล่าสุด หัวหน้าพรรคสีน้ำเงินยืนยันแล้วว่า การเมืองก็อย่างนี้ ถ้าแค่นี้ทนไม่ได้ก็เล่นการเมืองไม่ได้​ เป็นเรื่องปกติของคนที่มีฐานเสียงแข็งแรง พร้อมย้ำด้วยว่าเหมือนที่ตนเคยบอกเปรียบเหมือนภูเขาทอง

ประโยคหลังนี้น่าจะทำให้พรรคแกนนำรัฐบาลสบายใจได้ เพราะกรณีของภูเขาทองกับการเมืองนั้น หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเปรียบการที่ถูกคนค่อนแคะ เย้ยหยันว่า “เหมือนหมาเยี่ยวรดภูเขาทอง” เจตนาที่อดีตนายกฯ คนที่ 13 ต้องการสื่อก็คือ เป็นคนต้องไม่หวั่นไหวต่อลมปากคนอื่น ยิ่งอยู่สูงยิ่งต้องหวั่นไหวให้น้อยลง การนินทาหรือวิจารณ์ที่ไม่สร้างสรรค์ ก็ไม่ควรจะเสียเวลาไปใส่ใจ ในกรณีนี้อนุทินก็ต้องการเน้นให้เห็นว่า เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า

แต่ต้องไม่ลืมว่าในวันที่อารมณ์ยังคุกรุ่นอยู่นั้น เสี่ยหนูบอกว่าจะเอาคืนแบบทบต้นทบดอกกันทีเดียว ทั้งหมดเชื่อได้ว่าเมื่อหันหลังกลับมาประเมินสถานการณ์กันแล้ว แตกหักไปไม่มีใครที่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แม้แต่เพื่อไทยเองที่ถือไพ่ยุบสภาอยู่ในมือ จังหวะนี้ก็ไม่ใช่จังหวะที่จะเล่นเกมเสี่ยง เพิ่งเข้าสู่โหมดเริ่มสร้างผลงานให้คนรับรู้ ยังต้องใช้เวลาอีกนานเพื่อสะสมความนิยมให้มั่นใจว่าอยู่ในฐานะกุมความได้เปรียบ ยิ่งช่วงนี้นายใหญ่กับลูกสาวกำลังสนุกกับการทำงาน ทำให้มองไม่เห็นวี่แววว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง

อรชุน

Back to top button