พาราสาวะถี

ช่วงนี้ดูเหมือนว่าปัญหาทางการเมืองของรัฐบาลจะผูกอยู่กับเรื่องราวระหว่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่การปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์


ช่วงนี้ดูเหมือนว่าปัญหาทางการเมืองของรัฐบาลจะผูกอยู่กับเรื่องราวระหว่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่การปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ได้เห็น หลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะของจีน เข้ามามีบทบาทเด่น จนถูกมองว่ามีอธิปไตยเหนือประเทศไทยหรืออย่างไร ทำให้ทางกระทรวงกลาโหม ทั้ง “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมทั้งโฆษกกระทรวงกลาโหมต้องออกมาชี้แจง แก้ข่าวกันรายวัน

นอกจากนั้น ยังมีปมคณะทหารจากกัมพูชาจำนวนหนึ่งได้ขึ้นมาบนปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ก่อนจะร้องเพลงชาติกัมพูชา กลายเป็นประเด็นร้อนทางโซเซียลมีเดีย จนกระทั่ง แพทองธาร ชินวัตร ยอมรับกับนักข่าวว่าเรื่องนี้จะต้องถูกหยิบยกมาหารือบนวงสนทนาระหว่างการเดินทางไปเยือนถิ่นเขมรอย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้น เกิดกระแสดราม่ากล่าวหาว่ามีชาวอิสราเอลที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างโบสถ์ และห้ามคนไทยเข้าพื้นที่

กรณีนี้ นายกฯ หญิงยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พร้อมมอบหมายให้ อนุทิน ชาญวีรกูล ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและทำให้เรื่องนี้เกิดความกระจ่าง อย่างไรก็ตาม ทุกประเด็นที่เป็นกระแสก็ไม่ได้สร้างความหนักใจให้กับรัฐบาล เพราะถือว่าสามารถชี้แจง ทำความเข้าใจกับประชาชนได้ โดยเฉพาะประเด็นการจัดการปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กับการแอ็กชันของทางจีนผ่านผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ถูกส่งตัวมา ถือเป็นการทำงานที่ต้องเป็นไปในทิศทางนี้ หากต้องการจะจัดการเรื่องนี้ให้จบ

ลำพังรัฐบาลไทยไปเจรจา ขอความร่วมมือกับทางฝ่ายเมียนมา หรือชนกลุ่มน้อยไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ พอเห็นความเคลื่อนไหวของทางจีน พ่วงเข้ากับมาตรการเด็ดขาด 3 ตัดของรัฐบาลไทย เห็นได้ชัดว่าสร้างผลกระทบ สะเทือนต่อเหล่ามิจฉาชีพออนไลน์เหล่านี้อย่างเห็นได้ชัด โดยทางจีนยังได้สนับสนุนให้ไทยดำเนินการมาตรการดังกล่าวต่อไป แม้ฝ่ายเมียนมาอยากจะให้ยกเลิก โดยอ้างผลกระทบที่เกิดกับโรงพยาบาลและประชาชนส่วนใหญ่ แต่ไม่น่าจะมีน้ำหนักพอที่แพทองธารและรัฐบาลจะคล้อยตาม

จับมือกันมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะใส่เกียร์ถอยแน่นอน การพบปะกันระหว่างบิ๊กอ้วนกับหลิว จงอี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เป็นการตอกย้ำความร่วมมือเพื่อกำจัดปัญหาที่รกเรื้อมานานให้สิ้นซาก หลังจากจัดการเรื่องคนที่ถูกหลอก ตัดปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว จากนี้เป็นเรื่องที่ทางไทยและจีนต้องร่วมกันกวาดล้างพวกหัวขบวน บรรดาจีนเทาทั้งหลายทั้งที่ใช้เพื่อนบ้านเป็นฐาน และที่เข้ามาทำมาหากินอยู่ในประเทศไทย

นอกเหนือจากทางการจีนจะเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ ผ่านความร่วมมือกับไทยแล้ว ทางรัฐบาลก็จำเป็นต้องกวาดบ้านตัวเองด้วย ด้วยการดำเนินการกับพวกที่ใช้อำนาจ บารมี หรือความมีอิทธิพล ผู้กว้างขวาง เข้าไปสนับสนุนพวกสีเทาทั้งหลาย หลังจากนี้คงจะได้เห็นการกระชากหน้ากากของคนเหล่านี้ ถ้าไม่มีการลูบหน้าปะจมูก เมื่อใช้มาตรา 3 ตัด และซีลชายแดนไปแล้ว หากยังมีปัญหาที่เป็นตัวถ่วงสำหรับคนที่ประกอบอาชีพแบบสุจริต และสร้างผลกระทบกับคนส่วนใหญ่ จะโทษใครไม่ได้แล้ว เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง

ส่วนเรื่องร้อนปมที่ดินสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ ของเสี่ยหนูที่ถูกตรวจสอบโดย ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ เด็กในคาถาของ ธรรมนัส พรหมเผ่า กำลังถูกจับไปเชื่อมโยงถึงนายใหญ่ว่าต้องการที่จะแตกหักกับค่ายเซราะกราวหรือไม่ ถ้าขีดเส้นใต้จากท่าทีของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่ผ่านมา จะย้ำมาตลอดว่า ทุกการทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลตนฟังและทำตามคำสั่งของแพทองธารในฐานะนายกฯ คนเดียวเท่านั้น

อาจจะเกิดคำถามต่อไปว่า มองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า ความเป็นลูกสาวกับพ่อนายกฯ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ แต่อย่าลืมว่าสมการทางการเมืองไม่ได้ยึดโยงเรื่องนั้นเป็นหลัก ทุกอย่างอยู่ที่ผลประโยชน์ หากลงตัวย่อมเดินด้วยกันต่อไปได้ สำคัญไปกว่านั้นยังมีโจทย์ทางการเมืองที่ทักษิณกับเสี่ยหนูรับมาพร้อมกัน แข่งขันกันได้แต่ห้ามปีนเกลียว หรือแตกคอกันเด็ดขาด เพราะหนทางข้างหน้าไม่ว่าจะฝ่ายอนุรักษนิยม หรือฝ่ายที่อาศัยบารมีของอนุรักษนิยมเพื่อเข้าสู่อำนาจ ต้องช่วยกันปกป้องความพยายามจะเข้าสู่อำนาจบริหารของพวกสุดโต่งให้ได้

จะเห็นได้ว่า การนัดกินข้าวเย็นของพรรคร่วมรัฐบาลที่พรรคสีน้ำเงินเป็นเจ้ามือในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้นั้น การชิงประกาศว่าเชิญเฉพาะหัวหน้าพรรคกับเลขาธิการพรรคเท่านั้นเข้าร่วม เหมือนเป็นการจงใจตีกันธรรมนัสไม่ให้ร่วมวงด้วย เพราะมีหัวโขนเป็นประธานที่ปรึกษา รู้อยู่ว่าจะต้องถูกถามทำแบบนี้เหมือนต้องการสื่อว่าผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันแล้วใช่ไหม คำตอบของเสี่ยหนูคือ นายกฯ เป็นคนสั่ง ไปกันเยอะมีเวลาคุยกันน้อย เลือกเอาแค่เท่านี้จะทำให้ปรึกษาหารือกันสะดวก เป็นเนื้อเป็นหนังมากกว่า

คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร ผู้ที่อยู่ในฐานะคนเดิมเกม ทำตามบัญชาของผู้มีอำนาจที่แท้จริง ย่อมไม่ติดใจ และพร้อมจะรับสภาพหากโดนเอาคืน เว้นเสียแต่จะเคลียร์กันได้ก่อน อย่าลืมว่าบรรดานักเลือกตั้งเขี้ยวลากดินนั้น ทุกอย่างที่ขยับย่อมผ่านการคิดคำนวณแล้วว่าเปิดไปแล้วถือแต้มต่อหรือตกเป็นรอง กรณีนี้ก็เช่นกันเป็นการสะกิดกันให้เข้าใจ ปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟเหมือนกัน ถ้าอ้างการได้มาโดยสุจริต ปลายทางก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของการตรวจสอบจากหน่วยงาน แล้วไปจบลงที่กระบวนการยุติธรรม ถือเป็นการเล่นกับแบบแฟร์ ๆ

ส่วนนายใหญ่เวลานี้กำลังติดลมบนกับหัวโขนความเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน หลังจากบินไปคุยกับ อันวาร์ อิบราฮิม ที่มาเลเซียเมื่อต้นเดือน ล่าสุดก็ควงกันร่วมเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีฮัสซานัล โบลเกียห์ สุลต่านแห่งบรูไน หารือกันในประเด็นเมียนมา เศรษฐกิจสีเทาผิดกฎหมาย รวมไปถึงสกุลเงินดิจิทัล เป็นเวทีโชว์วิสัยทัศน์ของอดีตนายกฯ จากไทย เมื่อได้ใช้ศักยภาพตรงนี้ร่วมกับผู้นำสำคัญในอาเซียนย่อมหวังผลถึงภาพลักษณ์ที่ดีกับรัฐบาลแพทองธาร ดังนั้น จึงไม่น่าห่วงว่ารัฐนาวานี้จะไปกันไม่รอด

อรชุน

Back to top button