พาราสาวะถี

บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าจังหวะก้าวของ หลิว จงอี ต่อการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เดินทางเข้าออกประเทศไทยกับเมียนมาเป็นว่าเล่น


บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าจังหวะก้าวของ หลิว จงอี ต่อการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เดินทางเข้าออกประเทศไทยกับเมียนมาเป็นว่าเล่น จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารุกล้ำอธิปไตยของไทยนั้น ประสาพี่เบิ้มแห่งเอเชีย ย่อมเข้าใจบริบท ความลำบากใจของรัฐบาลไทย จึงได้มีการประสานเดินทางร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พร้อมทีมงานของไทยโดยตลอด เพื่อแสดงความเคารพและให้เกียรติ ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง

เป็นไปตามที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลังหารือกับผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะของจีน โดยหลิว จงอี ยืนยันการทำงานของตนในประเทศไทยเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ พร้อมย้ำว่าเคารพในอธิปไตยและกฎหมายท้องถิ่นของไทย นอกจากนี้ ยังได้กล่าวขอโทษคนไทย ที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจ ที่ดูเหมือนว่า เข้ามารุกล้ำอธิปไตยตามที่วิพากษ์วิจารณ์กัน พอจะเข้าใจได้ตามที่เจ้าตัวบอก ที่ดำเนินการเช่นนี้เป็นเพราะความเร่งร้อนและมุ่งมั่นมากเกินไป เนื่องจากห่วงประชาชนของตัวเอง

โดยที่บิ๊กอ้วนได้บอกกับผู้ช่วยรัฐมนตรีของจีนว่า ไม่เป็นไร เพราะรู้ว่ามีความตั้งใจและความมุ่งมั่น ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจกันอยู่แล้ว ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ที่จะทำงานร่วมกัน และจะทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้มากขึ้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ เป็นไปตามที่บอกก่อนหน้านี้เช่นกัน การดำเนินมาตรการตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และงดส่งน้ำมันไปเมียนมา ที่ถือเป็นความเด็ดขาดของนายกฯ หญิงนั้น เพราะได้รับสัญญาณดีมาจากฝั่งจีนนั่นเอง

ทางหลิว จงอี ได้ย้ำถึงมาตรการนี้ว่าเดินมาถูกทาง ซึ่งทาง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ก็ได้ชื่นชมและขอบคุณแพทองธารในระหว่างเดินทางเยือนจีนก่อนหน้านี้แล้ว แน่นอนว่า การดำเนินมาตรการเด็ดขาดของไทย สอดรับกับแผนงานที่ได้ร่วมทำงานกับจีนมาก่อนหน้า ถ้าไม่มีมาตรการที่สำคัญ ผลสัมฤทธิ์ของการทำงานย่อมไม่เกิด เสียงชื่นชมนี้ไม่ได้มีเฉพาะจากจีนเท่านั้น นานาประเทศก็ชื่นชมมาตรการของไทยเหมือนกัน เพราะทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในจังหวัดเมียวดี ของเมียนมาชัดเจน

นั่นหมายความ มาตรการ 3 ตัดยังคงจะดำเนินการต่อไปตามข้อเสนอที่ทางฝ่ายจีนเรียกร้องมา จุดชี้วัดสำคัญที่ทางจีนโฟกัสคือจังหวัดเมียวดี หากจะมีการผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวจากฝั่งไทย จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เบาบางหรือหมดไปจากพื้นที่ และจะต้องมีการสกัดไม่ให้อาชญากรย้ายฐานไปที่อื่นด้วย ไม่ใช่แค่รับลูกอย่างเดียว มีหนึ่งข้อเสนอที่ทางรัฐบาลไม่ได้ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของจีนนั่นก็คือ การปิดกั้นสิ่งอุปโภคบริโภคไปยังเมียนมา

เนื่องจากเห็นว่า เรื่องดังกล่าวต้องคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม ต้องไม่ให้กระทบกับประชาชนที่ไม่มีส่วนรู้เห็นทั้งสองประเทศ นี่เป็นความแตกต่างในการใช้ยาแรงที่จีนคงอยากจะจัดการปัญหาให้สิ้นซาก แต่เพียงเท่านี้ก็น่าจะสร้างแรงกดดันมากพอ ทำให้การกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์น่าจะมองเห็นความสำเร็จอยู่ไม่ไกล ไม่ได้มีเพียงแค่การกดดันเท่านั้น หากแต่ทั้งจีน ไทย และเมียนมา ยังจะทำงานร่วมกันต่อเนื่องในลักษณะไตรภาคี

ด้วยการเสริมสร้างกลไกไตรภาคีที่เป็นรูปธรรม ให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ให้เป็นแบบอย่างในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพในการประสานงาน เวลานี้รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย รวมทั้งผู้บัญชาการตำรวจของเมียนมา อยู่ในประเทศไทยแล้ว พร้อมเปิดการเจรจาไตรภาคี อยู่ที่ความพร้อมของประเทศไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ดำเนินการนัดหมายประชุม คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมไตรภาคี ฝ่ายไทยบิ๊กอ้วนจะเข้าร่วมถกด้วยตัวเอง

ขณะเดียวกัน กรณีการส่งคนจีนกลับประเทศที่มีการประสานขอใช้สนามบินแม่สอด จังหวัดตากนั้น เป็นเพราะเส้นทางในเมียนมาไม่ปลอดภัย แต่การใช้สนามบินของไทยมีเงื่อนไขว่าเมื่อมาถึงผ่านกระบวนการต่าง ๆ แล้วต้องขึ้นเครื่องกลับทันที ไม่มีพักคอยที่แม่สอด ส่วนเมื่อหมดล็อตแรกที่ประสานไว้ 600 คน ก็ต้องไปหารือในวงประชุมไตรภาคีกันต่อ ที่น่าจะเป็นข่าวดีคือ ทางจีนรับปากหากสอบสวนขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วพบข้อมูลว่ามีส่วนใดเกี่ยวโยงกับประเทศไทย จะแจ้งให้ทางการไทยรับทราบ เพื่อนำไปสู่การขุดรากถอนโคนเครือข่ายต่อไป

นั่นย่อมเป็นการแสดงให้เห็นว่า ก่อนการส่งกลับ ได้มีการคัดกรองเหยื่อ และขบวนการคอลเซ็นเตอร์ตามขั้นตอน ที่ถือเป็นกระบวนการทำงานร่วมกัน 3 ฝ่าย เข้าใจได้คงไม่อยากเปิดเผยข้อมูลอะไรมาก อยากจะให้ทุกอย่างมีพยาน หลักฐานแน่นหนา จะได้จัดการคราวเดียวให้จบ เป็นไปตามที่บิ๊กอ้วนว่า เป็นกระบวนการที่ยังต้องต่อเนื่อง ไม่มีที่สิ้นสุด ขออนุญาตไม่พูดถึงรายละเอียด อย่างที่บอกนอกเหนือจากจีนเทาแล้ว ยังมีทั้งคนไทยและฝ่ายเมียนมาที่สมรู้ร่วมคิดกับแก๊งเหล่านี้ คนพวกนี้ก็ต้องถูกจัดการขั้นเด็ดขาดด้วยเช่นกัน

เรื่องความสัมพันธ์กับผู้นำในภูมิภาคเอเชียนั้น ต้องยอมรับว่า ทักษิณ ชินวัตร มีศักยภาพที่จะประสานของความร่วมมือได้ ซึ่งเป็นผลดีต่อรัฐบาลแพทองธาร ที่ต่อเนื่องจากบทบาทที่ปรึกษาประธานอาเซียน หลังจากบินไปพบ อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย 2 หน วันอาทิตย์นี้ (23 กุมภาพันธ์) นายใหญ่จะควงบิ๊กอ้วนพร้อมคณะชุดใหญ่ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยจะนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้ไปพบปะพูดคุยกับทางประธานอาเซียน มาประกอบกับการลงพื้นที่ครั้งนี้ด้วย

ประเด็นที่ว่าจะมีการปัดฝุ่นนโยบาย 66/23 มาใช้ในการดับไฟใต้นั้น ถ้ามองย้อนกลับไปด้วยระยะเวลาที่ห่างกันเกือบ 50 ปี สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก อาจได้เพียงแนวทางเรื่องการเมืองนำการทหารเท่านั้น ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ซึ่งทราบกันดีว่ามาเลเซียมีสถานะเป็นผู้อำนวยความสะดวกกระบวนการพูดคุยสันติสุข-สันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ เพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ การลงพื้นที่ครั้งนี้ของทักษิณจึงน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

อรชุน

Back to top button