คุณต้องสู้เราถึงช่วย

ถึงแม้ว่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีจะมีเรื่องอื้อฉาวจากการที่ประธานาธิบดีอาร์เจนตินาถูกตรวจสอบเรื่องปั่นราคาคริปโทเคอร์เรนซีที่ชื่อว่า $LIBRA


ถึงแม้ว่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีจะมีเรื่องอื้อฉาวจากการที่ประธานาธิบดีอาร์เจนตินาถูกตรวจสอบเรื่องปั่นราคาคริปโทเคอร์เรนซีที่ชื่อว่า $LIBRA แต่โครงสร้างของการซื้อขายเงินคริปโทฯ ที่มีลักษณะกระจายศูนย์ (recentralization) ทำให้เกิดความเสียหายในวงจำกัด

โดย Chainalysis บริษัทวิจัยด้านบล็อกเชนเปิดเผยว่า มีการถอนโทเคน $LIBRA มูลค่าประมาณ 99 ล้านดอลลาร์ออกจากตลาดซื้อขายโดยกระเป๋าเงินดิจิทัล 8 ใบที่เชื่อมโยงกับผู้สร้างโทเคนดังกล่าว ซึ่งกำลังเป็นประเด็นอื้อฉาวในอาร์เจนตินาจากกรณีที่ประธานาธิบดีอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีฆาบิเอร์ มิเลย์ของอาร์เจนตินาได้แนะนำโทเคน $LIBRA ซึ่งแทบไม่เป็นที่รู้จักในโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 ก.พ.) แต่ต่อมาได้ลบโพสต์ดังกล่าว และปฏิเสธว่า เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเหรียญคริปโทฯ นี้

ขณะนี้ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางอาร์เจนตินากำลังสอบสวนเกี่ยวกับการเปิดตัวโทเคน $LIBRA และความเกี่ยวข้องของมิเลย์กับโทเคนนี้ หลังจากที่ $LIBRA พุ่งขึ้นเหนือระดับ 4.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังถูกโปรโมตโดยมิเลย์เมื่อวันศุกร์ แต่ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ราคาได้ร่วงลงอย่างหนัก

ด้านมิเลย์กล่าวหาคู่แข่งทางการเมืองว่า พยายามฉวยประโยชน์จากสถานการณ์นี้

Chainalysis ระบุว่า กระเป๋าเงินคริปโทฯ 8 ใบได้ถอนโทเคน $LIBRA มูลค่าราว 99 ล้านดอลลาร์ออกจากกองสินทรัพย์ดิจิทัล (liquidity pool) ซึ่งเป็นตลาดคริปโทฯ ที่ผู้คนสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนโทเคนได้ อย่างไรก็ดี บริษัทไม่สามารถยืนยันตัวตนของเจ้าของกระเป๋าเงินที่ถอน $LIBRA ออกไปได้ แต่ระบุว่ากระเป๋าเงินเหล่านี้ได้รับโทเคนดังกล่าวโดยตรงจากผู้สร้าง $LIBRA

ความเสียหายที่ถูกจำกัดวงทำให้ตลาดทุนของโลกมุ่งความสนใจไปที่นโยบายขึ้นภาษีของทรัมป์ 

โดยสำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่าเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 68  ว่าดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ทำสงครามการค้ารอบใหม่ และ ณ เวลา 22.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.03% สู่ระดับ 107.09 ขณะที่ดอลลาร์ดีดตัว 0.11% สู่ระดับ 1.043 เทียบยูโร และอ่อนค่า 0.42% สู่ระดับ 151.41 เยน

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยาในอัตรา 25% โดยอาจมีการประกาศอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ครั้งใหม่ในวันที่ 2 เม.ย.

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ประจำวันที่ 28-29 ม.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันที่ 20นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวหลังการประชุม FOMC ในวันที่ 29 ม.ค.ว่า เฟดไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนมี.ค.ที่จะถึงนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.,มิ.ย.และก.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมที่เหลือจนสิ้นเดือนตุลาคมนี้

การที่เฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิมทำให้ ตลาดการเงินของไทยยังคงขึ้นกับปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก และล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยได้รายงานสินเชื่อของประเทศไทยว่ายังคงอ่อนตัว

โดยเผยว่าสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ไตรมาส 4 ปี 2567 หดตัวอยู่ที่ -0.4% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน  แต่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ที่หดตัว 2.0% โดยขยายตัวจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่สินเชื่อธุรกิจ SMEs หดตัวลดลง ด้านสินเชื่ออุปโภคบริโภคหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง และรายได้กลุ่มเปราะบางที่ฟื้นตัวช้า

ทั้งนี้ ยอดคงค้างสินเชื่อ NPL ไตรมาส 4/67 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 552.1 พันล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.78% โดยหลักจากธุรกิจ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ และการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องของธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งลูกหนี้บางส่วนสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามผลสำเร็จของการให้ความช่วยเหลือภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย”

สรุปสั้น ๆ ได้ว่าประเทศไทยยามนี้ลูกหนี้ธนาคารทั้งหลายต้องสู้เสียก่อนเจ้าหนี้จึงจะเข้ามาช่วยเหลือ เพราะเจ้าหนี้ไม่ได้เต็มใจช่วยตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

วิษณุ โชลิตกุล

Back to top button