
TOP กำไรดูดีกว่าที่คิด!
TOP ถูกกดดันอย่างหนักจากการเลื่อนเปิดโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) และนำมาสู่การขอเพิ่มเงินลงทุนก้อนโต
คุณค่าบริษัท
ช่วงปี 2567 หุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ถูกกดดันอย่างหนักจากการเลื่อนเปิดโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) และนำมาสู่การขอเพิ่มเงินลงทุนก้อนโต เพื่อเดินหน้าโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จ ซึ่งกำหนดวันชี้ชะตาในวันที่ 21 ก.พ. 2568 เพื่อขอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น
แต่ก่อนจะถึงวันดังกล่าว TOP มีปัจจัยเชิงบวกจากการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 4/2567 ที่มีกำไรสุทธิ 2,767 ล้านบาท เทียบกับในไตรมาส 4/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 2,944 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 4,218 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2567 โดยมีรายได้จากการขาย 111,962 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับในไตรมาส 4/2566 ที่มีรายได้จากการขาย 115,336 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 ที่มีรายได้จากการขาย 110,018 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลงานที่ดีกว่านักวิเคราะห์คาดไว้
โดยกำไรที่ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลัก ๆ จากการรับรู้ผลขาดทุนจากรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน ในขณะที่ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน ตามแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและน้ำมันดิบ (crack spread) ที่ดีขึ้น และการรับรู้กำไรสต๊อกน้ำมัน
ขณะที่ งบปี 2567 มีกำไรสุทธิ 9,959 ล้านบาท ลดลง 48.78% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19,443 ล้านบาท และมีรายได้จากการขาย 455,857 ล้านบาท ลดลง 0.77% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 459,402 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากกำไรขั้นต้นจากการกลั่นปรับลด เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน น้ำมันอากาศยาน น้ำมันดีเซล กับราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวลดลง จากอุปทานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นใหม่เริ่มดำเนินการ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในปี 2567 เทียบกับปี 2566 ปรับลดลง จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว ส่งผลให้รับรู้ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 5,913 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกต่อ TOP ในระยะสั้น โดยบล.ดาโอ เชื่อว่าในไตรมาส 1/2568 จะเห็นกำไรที่อ่อนตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามค่าการกลั่นตลาดที่ลดลง และเชื่อว่า downside ต่อ crack spread ในปัจจุบันจะมีจำกัดแล้ว คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ไว้เท่าเดิมที่ 9.8 พันล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน
โดยคาดว่าค่าการกลั่นทางบัญชี (accounting GRM) จะสูงขึ้นช่วยชดเชยกำไรจากรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานที่ลดลง ในขณะเดียวกันประเมินกำไรปี 2569 ที่ 1.06 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% ตาม market GRM ที่ดีขึ้น และขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันน้อยลง
ด้านบล.กรุงศรี มอง TOP น่าสนใจลงทุนระยะยาว และมองมีโอกาสสูงที่ที่ประชุมฯ จะอนุมัติงบลงทุนส่วนเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นให้ TOP บริหารโครงการก่อสร้าง CFP ได้ตามกำหนด และดำเนินการทางกฎหมายที่จำเป็นเพื่อรักษาประโยชน์ผู้ถือหุ้น ขณะที่แนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 เนื่องจาก stock loss ลดลง และเปิดใช้ทุ่น SBM และเติบโตต่อเนื่องในปี 2569 จากการปิดซ่อมลดลง และ dividend yield อยู่ในระดับสูง
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น TOP ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 5.94 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 16.88 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 0.36 เท่า ก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.24 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 29.87 บาท จากราคาต่ำสุด 21 บาท และราคาสูงสุด 41 บาท