จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ-หั่นเป้าเงินเฟ้อ

สัปดาห์นี้ (วันที่ 4-5 มี.ค.) การประชุมสองสภาประจำปีของจีน ทั้งการประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ (CPPCC) และการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียด


สัปดาห์นี้ (วันที่ 4-5 มี.ค.) การประชุมสองสภาประจำปีของจีน ทั้งการประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ (CPPCC) และการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดว่าด้วยเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ 

มีการประเมินว่ารัฐบาลจีนอาจมีการยอมรับว่าดีมานด์ภายในประเทศชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นด้านการคลัง ที่มีเป้าหมายฟื้นฟูการเติบโตของเศรษฐกิจ ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้ากับสหรัฐฯ

การประชุมสองสภาประจำปี เริ่มมีขึ้นวันที่ 4 มี.ค. 68 จะเป็นการประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) จากนั้นวันที่ 5 มี.ค. 68 จะเป็นการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC)

ข้อมูลจากสถาบันนโยบายสังคมเอเชีย (Asia Society Policy Institute) ประเมินว่า ช่วงเปิดการประชุม NPC จีนจะปรับลดเป้าหมายดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) รายปีลงสู่ระดับ 2% ถือเป็นระดับต่ำสุดรอบกว่า 20 ปี จากระดับ 3% ตลอดช่วงหลายปีก่อนหน้า การปรับลดเป้าหมายดังกล่าว ถือเป็นการยอมรับว่า “ดีมานด์ภายในประเทศ” อ่อนแอลง

“แลร์รี หู” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีน บริษัท แมคควอรี (Macquarie) ระบุว่า เป้าหมายเงินเฟ้อครั้งใหม่นี้ จะทำหน้าที่เป็นเพดาน มากกว่าจะเป็นเป้าหมายที่จีนต้องบรรลุ โดยจีนอยู่ภายใต้แรงกดดันด้านเงินฝืดช่วงที่ผ่านมา

โดยไตรมาส 4/67 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่เป็นตัวเงิน (Nominal GDP) ขยายตัวช้ากว่า GDP ที่แท้จริง (Real GDP) เป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน ส่วนดัชนี CPI ขยับขึ้นเพียง 0.2% ช่วงปี 2567 และ 2566 ขณะที่ราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวลงเป็นเวลา 2 ปี

นั่นจึงทำให้การประชุม NPC จีนอาจตั้งเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณเอาไว้ที่ 4% ของ GDP เพิ่มขึ้นจากระดับ 3% ช่วงปี 2567 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ เนื่องจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของจีน ไม่ต้องการให้ตัวเลขขาดดุลงบประมาณทะลุเพดาน 3% ของ GDP

นอกจากนี้ประเมินว่า จีนจะเพิ่มโควตาการขายพันธบัตรรัฐบาลพิเศษเป็น 3 เท่า สู่ระดับ 3 ล้านล้านหยวน (4.10 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีนี้ จากระดับ 1 ล้านล้านหยวนช่วงปี 2567 และเพิ่มโควตาการออกพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นพิเศษเป็น 4.5 ล้านล้านหยวนในปีนี้ จากระดับ 3.9 ล้านล้านหยวนในปี 2567

“โรบิน ซิง” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีน ธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ ระบุถึงการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าการประชุม NPC รัฐบาลจีนจะกำหนดเป้าหมายการเติบโตของ GDP ปี 2568 ไว้ที่ระดับประมาณ 5% เท่ากับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

สอดคล้องกับเป้าหมายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะเพิ่มขนาดของเศรษฐกิจของจีนขึ้นประมาณ 2 เท่า ภายในปี 2578

สำหรับปี 2567 เศรษฐกิจจีนเติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย 5% มีปัจจัยสนับสนุนจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตดี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกำลังการผลิตใหม่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์อุตสาหกรรม, การลงทุนอุตสาหกรรมการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องการบริการด้านเทคโนโลยี, การส่งออกเร่งตัวขึ้นจากปีก่อนจากการเร่งส่งออกไปตลาดหลัก เช่น สหรัฐฯ ช่วงครึ่งหลังปี 2567 จากความกังวลเรื่องสงครามการค้ารอบใหม่ 

อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจ จีนส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึง เห็นได้จากภาคการผลิตเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ แต่การเติบโตของการบริโภคในประเทศ ยังได้รับปัจจัยกดดันจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในระดับต่ำ แม้มีมาตรการกระตุ้นการบริโภค เช่น โครงการ trade-in, การแจกคูปองอิเล็กทรอนิกส์ และแรงกดดันจากภาคอสังหาริมทรัพย์

Back to top button