หุ้นสื่อ ปี’67 ระส่ำหนัก.!

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มสื่อถูกท้าทายด้วยการถูกดิสรัปชัน ไม่ว่าจะเป็นสื่อดั้งเดิมอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ที่ถูกทดแทนด้วยสื่อออนไลน์


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มสื่อถูกท้าทายด้วยการถูกดิสรัปชัน ไม่ว่าจะเป็นสื่อดั้งเดิมอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ที่ถูกทดแทนด้วยสื่อออนไลน์ ในขณะที่สื่อทีวีดิจิทัลถูกดิสรัปชันจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป คนดูทีวีน้อยลง แล้วหันไปเสพข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น ทำให้เม็ดเงินโฆษณาหดหาย กระทบต่อผลประกอบการของหุ้นกลุ่มสื่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…

งั้นลองมาตรวจสุขภาพหุ้นสื่อในปี 2567 ที่ผ่านมากันหน่อยดีกว่า…แต่ละค่ายเป็นอย่างไร..?? ยังไหวกันหรือเปล่า..??

เริ่มที่สื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งอยู่ยงคงกระพันในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) หรือ MATI ค่ายสื่อใหญ่ย่านประชาชื่น เปิดงบปี 2567 พลิกมาขาดทุนสุทธิ 33.41 ล้านบาท เทียบกับปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 30.56 ล้านบาท หลังจากมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ รีดไขมันให้น้อยลง แต่จากการถูกดิสรัปชัน ประกอบกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า บริษัทและห้างร้านต่าง ๆ พากันรัดเข็มขัดกันมากขึ้น เลยทำให้ MATI พลิกกลับมาขาดทุนอีกครั้ง…

ไม่ต่างจากสื่อใหญ่ย่านบางนา บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ NATION ที่งบปี 2567 ก็ขาดทุนเช่นกัน โดยมีตัวเลขขาดทุนสุทธิ 845 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีตัวเลขขาดทุนสุทธิ 285.99 ล้านบาท สาเหตุมาจากรายได้จากโฆษณาลดลง 9% จากผลกระทบจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ บวกกับมีการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ 543.40 ล้านบาท ซ้ำเติมอีกดอก…

คราวนี้มาที่กลุ่มสื่อทีวีดิจิทัลกันบ้าง ผลประกอบการก็ย่ำแย่ มิหนำซ้ำใบอนุญาตทีวีดิจิทัลยังใกล้หมดอายุ (จะหมดอายุในเดือน เม.ย. 2572) ทำให้มีความเสี่ยงจะได้ต่อหรือไม่ต่อใบอนุญาต..?? ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนจากกสทช.

แต่ที่ชัดเจน…ด้วยใบอนุญาตที่ใกล้หมดอายุ ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีการตั้งด้อยค่ารายการพิเศษตามมาตรฐานบัญชีใหม่ ซึ่งจะกดดันกำไรของหุ้นสื่อทีวีดิจิทัล…เห็นได้ชัดจากงบการเงินของบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO ช่อง MONO29 ที่ขาดทุนสุทธิเพิ่มเป็น 796.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 212.3% จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 255.13 ล้านบาท

โอเค…ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรายได้จากการให้บริการสื่อโฆษณาหายไป 13.2% เหลือแค่ 990.20 ล้านบาท แต่ปัจจัยหลักมาจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว รับรู้ในปี 2567 สูงถึง 788 ล้านบาท จากความไม่แน่นอนในการต่ออายุใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์

ด้านบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK ช่อง Workpoint 23 ก็พลิกมาขาดทุนสุทธิ 201.02 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.48 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้จากธุรกิจรายการโทรทัศน์ลดลง 13% เหลือแค่ 1,643.78 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้โฆษณาผ่านช่องทางโทรทัศน์และออนไลน์ปรับลดลง

นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 72.54 ล้านบาท มาอยู่ที่ 571.19 ล้านบาท เนื่องจากมีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ไม่มีตัวตน

ข้ามไปย่านพระราม 4 บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ช่อง 33 แม้งบปี 2567 ไม่ถึงขั้นขาดทุน แต่กำไรหายไปกว่าครึ่ง เหลือแค่ 96.28 ล้านบาท ลดลง 54.2% เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายเวลาโฆษณาลดลง 12.9% เหลือแค่ 3,450 ล้านบาท อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวหลายรายการ

เช่นเดียวกับบริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ AMARIN อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ที่กำไรสุทธิลดลง 73.7% เหลือแค่ 76.32 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 290.49 ล้านบาท ได้รับผลกระทบจากการลดลงของรายได้ธุรกิจสื่อโฆษณาทีวีและรายได้จากสื่อออนไลน์

ด้านบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE ช่อง ONE 31 มีกำไรสุทธิ 421.01 ล้านบาท ลดลง 15.86% เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 505.09 ล้านบาท เป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปตามสถานการณ์อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาโทรทัศน์ที่ปรับตัวลดลง ทำให้ต้องใช้เม็ดเงินในการประชาสัมพันธ์ Content โดยเฉพาะ oneD Original มากขึ้น

บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ช่อง MCOT HD 32 พลิกกลับมาขาดทุน 316.26 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 587.52 ล้านบาท หลัก ๆ เป็นผลมาจากรายได้จากสื่อโทรทัศน์ลดลง 20% และรายได้จากวิทยุลดลง 17%

ส่วนอีกสองช่องซึ่งมีโครงสร้างรายได้ที่หลากหลาย อย่างบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ช่อง 8 พลิกมาขาดทุน 304.58 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ 1,395.23 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายและบริการลดลง 26.6% เหลือแค่ 2,678.90 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจพาณิชย์ ลดลง 8.2% และธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ลดลง 38.5%

ขณะที่ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY ช่อง GMM25 พลิกมามีกำไรสุทธิ 195.57 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 132.56 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากธุรกิจภาพยนตร์ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 96.4% จากปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากภาพยนตร์เรื่องหลานม่าที่ออกฉายตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2567 ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดีทั้งในและต่างประเทศ

ดู ๆ แล้วภาพรวมปี 2567 เป็นอีกปีที่หนักหนาสาหัสของหุ้นสื่อนะเนี่ย ส่วนใครที่หวังจะเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์เร็ว ๆ นี้คงยาก…แถมยังไม่รู้ด้วยว่าจะมีโอกาสได้เห็นเมื่อไหร่..??

งั้นคงต้อง…ถอยห่างไปนิดอีกนิดนั่นแหละ…ห่างอีกสักนิดอีกนิดนั่นแหละ จากหุ้นสื่อเสียแล้วกระมัง..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button