
รวมหุ้นต่ำบุ๊ก
ในที่สุดดัชนีก็เด้งขึ้นอย่างร้อนแรงเสียที และปลุกให้อีฉันมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เพราะการยืนปิดที่ระดับ1,206.96 จุด บวกไป 29.32 จุด
ในที่สุดดัชนีก็เด้งขึ้นอย่างร้อนแรงเสียที และปลุกให้อีฉันมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เพราะการยืนปิดที่ระดับ 1,206.96 จุด บวกไป 29.32 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.07 หมื่นล้านบาท มาพร้อมกับแรงซื้อจำนวนมากที่ไหลกลับเข้ามาในหุ้นบลูชิพ ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่า “กองทุน” กับ “ต่างชาติ” เริ่มกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง หลังเทขายหุ้นไทยเป็นเวลานานนั้น มันเป็นภาพที่ทำให้ทุกคนปลื้มปริ่มสุด ๆ ในห้วงเวลาสั้น ๆ พะย่ะค่ะ
ด้วยบรรยากาศที่ดีขึ้นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เชื่อได้ในระดับหนึ่งว่า หุ้นบลูชิพจะเป็นตัวพาดัชนีกลับขึ้นไปยืน 1,200 จุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นโอกาสของคนที่ยังเชื่อมั่นว่า “รีเทิร์น” กับ “ยีลด์” คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และมองเรื่องการปรับตัวของประเทศไทยต่อเทรดวอร์จะสมูทขึ้นเป็นลำดับ ก็จะเป็นอีกประเด็นที่ทำให้การเข้ามาลงทุนเที่ยวนี้..เหมาะสมทุกประการนะจะบอกให้
ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากเฟ้นหาหุ้นต่ำบุ๊กมาเสนอเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน เพราะเมื่อมองในมุมของมูลค่าที่เหมาะสม ราคาหุ้นก็ควรอยู่เท่าบุ๊กแวลูเป็นอย่างต่ำ เดี๊ยนถึงมองว่า การลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าวเป็นคำตอบที่ถูกต้องในห้วงเวลานี้ ผนวกกับมีหุ้นใหญ่หลายตัวที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่เกริ่นให้ฟังในตอนต้น เดี๊ยนเลยขอคัดเฉพาะตัวเด่น ๆ มาเม้าท์ให้ฟังแล้วกันจ้า
เปิดหัวตัวแรกก่อนใครเพื่อน “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นเดินเรือ TTA ซึ่งเป็นหุ้นที่มีบุ๊กอยู่ที่ระดับ 15 บาท แต่ราคาหุ้นในกระดานวันนี้ยืนอยู่ที่ระดับ 4.54 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 2.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเกินความเหมาะสมอย่างแน่นอน เพราะค่า PBV อยู่แค่ระดับ 0.28 เท่า หรือจะมองในมุมของ PE ที่เทรดบนระดับ 6 เท่า ก็เป็นระดับที่ลงทุนได้สบาย ๆ นะตัวเอง
เช่นเดียวกับน้องน้ำตาล KSL ก็เทรดบน PBV ที่ระดับ 0.29 เท่า และยังมีค่า PE ที่ระดับ 7 เท่าแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่เหมาะต่อการทยอยสะสมอย่างแน่นอน เพราะความเสี่ยงที่ราคาหุ้นจะทรุดตัวลงแรงมีไม่เยอะ ส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 1.43 บาท เป็นเรื่องที่น่าสนใจในมุมของหุ้นที่ลงเยอะเกินไป ผนวกกับกำไรปี 67 เทียบกับปี 66 ก็พอ ๆ กัน จึงเชื่อว่า ปีนี้ก็คงไม่แย่สักเท่าไหร่เจ้าค่ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น TOP ขึ้นมาทันที เพราะรายนี้โดนสารพันปัญหารุมเร้าเป็นเวลานาน จนสุดท้ายแก้ปัญหาได้ทีละเปลาะ จนบริษัทเกือบจะกลับมารันธุรกิจได้เป็นปกติแบบนี้ มันทำให้การยืนปิดที่ระดับ 25 บาท บวกไป 2.40 บาท หรือขึ้นไป 10.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.61 พันล้านบาท น่าสนใจทั้งในแง่ของบุ๊กแวลูที่อยู่ในระดับ 73 บาท และค่า PE ที่เทรดในระดับ 5 เท่านะออเจ้า
ส่วนคนที่ชอบเดิมพันธุรกิจจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ดูหุ้น ORI ภายใต้การบริหารจัดการของ “พี่โด่ง” เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ เพราะในมุมของบู๊กแวลูที่อยู่ในระดับ 7.88 บาท และการเทรดของหุ้นบน PE 5.70 เท่า น่าจะเป็นตัวที่บอกให้รู้ว่า หุ้นตัวนี้มีดาวไซด์ต่ำ! และทำให้การยืนปิดที่ 2.68 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 8.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25 ล้านบาท ไม่มีอะไรต้องวอรี่มากนัก (กำไรไตรมาส 1 ต้องลดลงไม่มาก) นะคะ
คล้ายกับสถานการณ์ของเจ้าพ่อยาง STA ก็มีมุมที่น่าสนใจเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าเป็นเรื่องบุ๊กแวลูที่ระดับ 33.26 บาท หรือการเทรดของหุ้นที่อยู่บน PE 13.80 เท่า และล่วงเลยไปถึงปันผลที่อยู่ในระดับ 6% ล้วนเป็นปัจจัยเชิงบวกที่ทำให้หุ้นตัวนี้ควรค่าต่อการทยอยสะสม เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 15.80 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 5.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 86 ล้านบาท น่าเล่นจริงไหมเจ้าค่ะ
ตบท้ายกันที่หุ้น EGCO เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 100 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 2.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 60 ล้านบาท เป็นเรื่องที่เหมาะสมทุกประการ เพราะมองในแง่ของบุ๊กแวลูที่ระดับ 198 บาท บวกกับการเทดบน PE 10 เท่า พ่วงด้วยอัตราเงินปันผลตอบแทนในระดับ 6% คือการลงทุนที่คุ้มค่าในทุกแง่มุมอย่างแน่นอน อีฉันเลยไม่อยากเม้าท์อะไรมากมายให้เจ็บคอนะนายจ๋า!
โมนิก้า: และทีมงาน