
พาราสาวะถี
อาศัยความเก๋าไล่บี้ความสด วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง “เสี่ยเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
อาศัยความเก๋าไล่บี้ความสด วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง “เสี่ยเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ ให้แก้ไขญัตติที่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร ด้วยเหตุผลมีการพาดพิงคนนอกซึ่งในที่นี้หมายถึง ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง สั่งให้มีการเอาชื่ออดีตนายกฯ ออกจากญัตติ เพราะถือเป็นคนนอกที่ไม่สามารถชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้จากการถูกพาดพิง
แต่ฝ่ายค้านทั้งเสี่ยเท้งและแกนนำพรรคประชาชน ยืนกรานไม่ทำตามที่ประธานสภาฯ สั่ง พร้อมทำหนังสือโต้แย้ง ทำให้วันนอร์ต้องสัมภาษณ์ย้ำพร้อมขู่ไปในตัวถ้าไม่แก้ญัตติก็ไม่สามารถบรรจุในระเบียบวาระได้ ถ้าบรรจุไปก็จะผิดในเรื่องของการดูแลความเรียบร้อยหากเกิดการฟ้องร้องขึ้นมา และตามข้อบังคับ ระบุชัดเจนว่าห้ามกล่าวถึงบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็น แค่กล่าวก็ห้ามแล้ว แต่นี่เขียนลงไปในญัตติ ยิ่งหนักกว่าการกล่าวพาดพิง เพราะการกล่าวถึงประธานสามารถบอกให้ถอนได้ แต่เขียนในญัตติถ้าอนุมัติไปถอนไม่ได้
ทั้งนี้ ประธานสภาฯ ยืนยันต้องดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้การประชุมดำเนินไปได้ และให้เกิดความเรียบร้อยไม่ผิดข้อบังคับที่จะเกิดการฟ้องร้อง ถ้าประธานเป็นคนสั่งบรรจุและมีชื่อบุคคลภายนอกอยู่ ถ้าผู้ถูกกล่าวถึงพิจารณาฟ้องร้อง ต้องฟ้องประธานเป็นคนแรกเพราะเป็นผู้บรรจุ และฟ้องผู้เสนอญัตติเป็นจำเลยที่ 2 ที่ 3 ต่อไป ซึ่งไม่ควรจะมี งานนี้ถือเป็นการมองต่างมุม ฝ่ายที่หนุนพรรคสีส้ม ไม่ชอบหน้ารัฐบาลพลิกขั้ว ย่อมเชียร์ว่า ไม่ใช่หน้าที่ของวันนอร์หากจะมีการกล่าวหา พาดพิง ก็เป็นหน้าที่ของ สส.ผู้อภิปรายที่จะรับผิดชอบกันเอง
เป็นการดึงเชิงยื้อเวลาช่วยรัฐบาลของประธานสภาฯ หรือไม่ สามารถมองกันได้ แต่ต้องเข้าใจทั้งสองฝ่าย สุดท้ายหนีไม่พ้นต้องหารือร่วมกัน ดูว่าฝ่ายค้านยื่นอุทธรณ์ประเด็นอะไรบ้าง อย่างที่วันนอร์ว่า ฟังคำสัมภาษณ์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องเห็นหนังสือที่อุทธรณ์ก่อนว่าอุทธรณ์ประเด็นไหน และมีประเด็นไหนที่จะต้องคุยกัน โดยประธานต้องเชิญเลขาธิการสภาฯ และฝ่ายกฎหมายมาคุย ส่วนการอุทธรณ์ของฝ่ายค้านจะยื่นเป็นหนังสือหรือแจ้งกับประธานโดยตรงก็ได้
นี่แหละเป็นการชิงไหวชิงพริบกันด้วยการใช้ข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ อยู่ที่ว่าเหตุผลของใครจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน กระบวนท่าของฝ่ายคนรุ่นใหม่ที่ผ่านมามักจะใช้ความกล้าหาญ ท้าทาย อาศัยกระแสคอยหนุนหลัง บางเรื่องก็กดดันสำเร็จ แต่หลายเรื่องเห็นได้ว่าเป็นการเดินเกมพลาด บางทีอาจเป็นเพราะรู้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเดินแบบไหนก็ไม่มีวันที่จะได้เปรียบ หรืออยู่ในฐานะที่ได้รับการช่วยเหลือ คุ้มครองจากองค์กรที่บังคับใช้กฎหมายใด ๆ
ขณะที่อีกฝ่าย บรรดาพวกเขี้ยวลากดิน ไม่ได้อินังขังขอบต่อกระแสใด ๆ อาศัยกลไก ช่องว่าง หรือช่องทางที่สามารถกุมความได้เปรียบจะใช้ทันที โดยไม่สนใจว่าจะเกิดกระแสต่อต้านอย่างไร ในเมื่อยืนกรานในความถูกต้อง อ้างกฎ กติกาที่วางไว้ ไม่ใช่การใช้สีข้างเข้าถู ความนิ่ง หรือหลายครั้งหากจะถูกมองว่าเป็นประเภทอย่างหนา นี่คือคุณสมบัติของคนที่ได้ชื่อว่าเซียนการเมือง รัฐบาลพลิกขั้วจึงเป็นกลุ่มก้อนที่ถูกเลือกใช้บริการเพื่อต่อสู้กับความสุดโต่งนั่นเอง
เมื่อมองไปยังการทำหน้าที่ของแต่ละคนในซีกรัฐบาล จะเห็นได้ว่าต่างแสดงบทบาทที่ได้รับมอบหมายในการสื่อสารกับสังคม ให้เกิดการคล้อยตาม กรณีของวันนอร์ก็มีเสียงขานรับและร่วมอธิบายถึงเจตนาดังกล่าวจาก ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ว่า เข้าใจประธานสภาฯ อาจพิจารณาว่าญัตติมีข้อบกพร่องและจะมีปัญหาตรงนี้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาตามมาในการอภิปราย ตัดไฟเสียแต่ต้นลม ตัดปัญหาการประท้วงกันวุ่นวาย ทำให้การอภิปรายเดินไปได้ยากลำบาก
ขณะที่ในมุมความเป็นฝ่ายบริหาร และดูแลเรื่องกฎหมายของฝ่ายกุมอำนาจ เจ้าตัวก็ชี้ประเด็นที่จะมีการอภิปรายพาดพิงถึงรัฐมนตรีด้วยว่า จะเป็นปัญหาเพราะญัตติที่เขียนมุ่งหมายไปที่นายกฯ ว่าปล่อยปละละเลย ให้รัฐมนตรีกระทำไม่ถูกไม่ชอบอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็อธิบายถึงการกระทำของรัฐมนตรีสารพัด เหตุที่จะทำให้เกิดปัญหาเอาแค่ถ้าอภิปรายเกริ่นนำนายกฯ แค่ห้านาที สิบนาที ที่เหลือพูดถึงรัฐมนตรีล้วน ๆ จะมีการประท้วงว่าญัตติไม่ได้อภิปรายรัฐมนตรี
นี่คือชั้นเชิงทางข้อกฎหมายที่เหล่านักเลือกตั้งเขาจะงัดมาใช้หักล้างกันในสภา ถ้าเข้าใจความหวังดีอย่างที่ชูศักดิ์บอก มีการยกตัวอย่างด้วยว่าสมัยเป็นฝ่ายค้านในการยื่นญัตติซักฟอก จะมีการเขียนให้ครอบคลุมทั้งนายกฯ และรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีการออกตัวสิ่งที่พูดไปเป็นการมองภาพโดยรวม ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปขัดขวางสกัดกั้นฝ่ายค้านอะไรทั้งสิ้น เข้าใจดีว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นหน้าที่สำคัญของฝ่ายค้านตามรัฐธรรมนูญ ความแตกต่างระหว่างแกนนำรัฐบาลกับฝ่ายค้านอยู่ตรงนี้ อีกฝ่ายมีประเภททั้งบู๊และบุ๋น ผ่อนหนักผ่อนเบา แต่อีกฟากเป็นประเภทบู๊ล้างผลาญอย่างเดียว
หากเปรียบเป็นมวยพวกลงทุนสูง บู๊เอามัน จะได้แต่เสียงเชียร์อย่างเดียว ส่วนผลที่ออกมาจะเป็นฝ่ายปราชัยมากกว่า ประเภทมวยชั้นเชิง ฝีมือ ลีลาดีมักจะเจ็บตัวน้อย เข้าวินบ่อยครั้ง และยืนระยะได้นาน นั่นเป็นเกมกีฬาที่มีกรรมการตัดสินที่มีความเป็นกลางและเป็นธรรม แต่การเมืองเห็นกันอยู่ฝ่ายไหนที่ได้รับการประคบประหงมดูแลอย่างดี ฝ่ายใดที่ถูกเล่นงานไม่หยุดหย่อน ถ้าสถานการณ์ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงศึกซักฟอกก็เป็นเพียงแค่การทำหน้าที่ตามฤดูกาลของพรรคฝ่ายค้านเท่านั้น
ส่วนพวกอนุรักษนิยมสุดโต่งก็ไม่ต่างกัน ยังมีความหวังกับนิติสงครามที่เคยใช้มาตั้งแต่เผด็จการ คสช.เรืองอำนาจ คิดว่าจะจัดการฝ่ายกุมอำนาจได้โดยเฉพาะกับพ่อนายกฯ หากเป็นในอดีตนายใหญ่กับเพื่อไทยเปรียบเหมือนพวกมวยคางเปราะ ไม่ว่าโดนจุดไหนมีสิทธิ์ถูกสอยร่วงสลบทุกครั้ง แต่หลังจากเสริมใยเหล็กเป็นแกนหลักของรัฐบาลพลิกขั้ว ต้องยอมรับว่าเป็นคนละคน กลายสภาพเป็นแกร่งทั่วแผ่น ยิ่งได้พี่เลี้ยงจากค่ายสีน้ำเงินมาร่วมสังกัดยิ่งไปกันใหญ่
อรชุน