กลุ่ม ปตท. น่าซื้อ?

ในเมื่อตลาดหุ้นให้ความสำคัญกับเรื่องอนาคตมากเป็นพิเศษ “โมนิก้า” ก็เข้าใจเหตุผลที่หุ้นไทยตกอยู่ในสภาพแกว่งตัวลงเป็นเวลาหลายเดือน


ในเมื่อตลาดหุ้นให้ความสำคัญกับเรื่องอนาคตมากเป็นพิเศษ “โมนิก้า” ก็เข้าใจเหตุผลที่หุ้นไทยตกอยู่ในสภาพแกว่งตัวลงเป็นเวลาหลายเดือน ผนวกกับตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่น ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันรินหุ้นขายแบบสบายอุรา เพราะนักลงทุนรายย่อยกระโดดเข้ามาช่วยรับของจนหลังแอ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่อีฉันต้องชื่นชมสปิริตของรายย่อยที่สู้ไม่ถอยไงล่ะคะ

โดยเฉพาะเมื่อดูจากยอดซื้อสุทธิตั้งแต่ต้นปี และเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่เดินหน้าซื้อสุดซอย จนยอดดังกล่าวพุ่งขึ้นไปที่ระดับ 3.98 หมื่นล้าน ก็เป็นภาพที่ชี้ให้เห็นว่า การอ่อนตัวของดัชนีวานนี้มาที่ระดับ 1,177.44 จุด ลบไป 24.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.42 หมื่นล้านบาท ก็เกิดจากแรงขาย “ต่างชาติ” กับ “กองทุน” อีกตามเคย..ส่วนรายย่อยก็คงเข้าซื้อเหมือนวันก่อน ๆ แต่เงินในกระเป๋าแฟบ เลยต้านแรงขายไม่ไหวพะยะค่ะ

เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นในกลุ่ม ปตท. ที่ร่วงลงเป็นนกปีกหัก จนหาทางกลับบ้านไม่เจอ ก็เป็นประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงมากสุดในเวลานี้ เพราะราคาหุ้นที่เห็น ณ เวลานี้..ต่ำเกินไป ผนวกกับราคาหุ้นก็ตอบรับข่าวร้ายเยอะพอควรแล้ว เดี๊ยนถึงต้องลงในรายละเอียดบางอย่าง เพื่อชี้ให้เห็นการทยอยสะสมหุ้นกลุ่มนี้ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวนะจะบอกให้

โดยเฉพาะการอ่อนตัวของหุ้นแม่อย่าง PTT  จนวานนี้ลงมายืนที่ระดับ 28.25 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.67 พันล้านบาท และเป็นระดับที่อยู่สูงกว่าตอนโควิดนิดหน่อย รวมทั้งเป็นการเทรดบนพีอี 9.50 เท่า พ่วงด้วยอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ระดับ 7% โดยที่หุ้นตัวนี้มีมูลค่าทางบัญชีที่ระดับ 40.25 บาทแบบนี้ เดี๊ยนถึงกล้าพูดแบบเต็มปากเต็มคำว่า ลงมาต้องซื้อนะออเจ้า

เช่นเดียวกับในรายของพี่เทพ PTTEP ยังทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง และถ้าดูจากบุ๊กแวลูที่ระดับ 134 บาท และการเทรดบน PE 5 เท่า ย่อมเป็นเกราะป้องกันราคาหุ้นไม่ให้ไหลลงแรงเหมือนก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันจะเห็นว่า เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาอีกครั้ง จนหุ้นยืนเหนือแนวรับ 100 บาทได้อย่างยอดเยี่ยม แถมวานนี้หุ้นเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 108.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 774 ล้านบาทท่ามกลางตลาดหุ้นแดงเถือกแบบนี้..ของมันต้องมีค่ะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น GPSC กลายเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่นักเล่นไม่ควรมองข้าม และหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ “โมนิก้า” กล้าพูดแบบนั้นก็คือ บุ๊กแวลูที่อยู่ในระดับ 38 บาท และการแกว่งตัวในกรอบราคา 26-31 บาทเป็นเวลาเดือนเศษ ทั้งที่ช่วงเวลาดังกล่าวตลาดหุ้นตกหนักแบบนี้ มันหมายความว่ามีคนทยอยช้อนหุ้น เดี๊ยนถึงไม่กังวลที่เห็นหุ้นยืนที่ 28.75 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 5.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 321 ล้านบาทเจ้าค่ะ

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงน้อง TOP ขึ้นมาทันที เพราะในมุมของการตอบรับข่าวลบไปหมดแล้ว ก็ต้องพูดกันตามตรงว่า ราคาหุ้นเกาะกรอบราคา 25 บาทเป็นเวลา 2 เดือนแบบนี้ แสดงว่า มีคนกำลังทยอยเก็บของเข้าพอร์ตอย่างแน่นอน อีฉันเลยอยากให้แฟนคลับพิจารณาว่า การยืนปิดที่ 24.80 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 441 ล้านบาท ท่ามกลางบุ๊ก 73 บาท..เสี่ยงเยอะไหม?

ในเมื่อต้องใช้ความคิดขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นปั๊มน้ำมัน OR เพื่อชี้ให้เห็นการทำ all time low แบบรัว ๆ อาจมาจากความกังวลเรื่องกำไรไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่ถ้ามองในมุมของราคาเหมาะสมเป็นประเด็นหลัก อีฉันก็อยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 10.80 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 189 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 17 เท่า มันเป็นจังหวะของการซื้ออะป่าว?

ส่วน 2 ตัวสุดท้ายอย่าง PTTGC กับ IRPC อาจต้องให้เวลาในการบริหารจัดการตัวเองสักระยะหนึ่ง เพราะสิ่งที่เกิดมาจากปัจจัยเหนือการควบคุม “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นพยายามสังเกตอีกครั้งว่า การที่มีแรงซื้อทยอยเข้ามาเป็นช่วง ๆ จนราคาหุ้นทั้ง 2 ตัวเริ่มยืนได้แบบนี้..เหมาะต่อการเคาะขวาเบา ๆ หรือเปล่า?  หรือในอีกมุมหนึ่งมันแสดงถึงการสิ้นสุดขาลงใช่ไหม?..ลองหาคำตอบด้วยตัวเองกันดูนะคะ

Back to top button