
พาราสาวะถี
ยืนกรานในความถูกต้องของข้อกฎหมาย วันมูหะมัดนอร์ มะทา มอบหมายให้ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ พร้อมด้วย คัมภีร์ ดิษฐากรณ์ ชี้แจงกรณีหนังสือโต้แย้งของ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน
ยืนกรานในความถูกต้องของข้อกฎหมาย วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มอบหมายให้ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาฯ พร้อมด้วย คัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาฯ ชี้แจงกรณีหนังสือโต้แย้งของ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่ยืนยันไม่แก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร ตามที่วันนอร์มีหนังสือด่วนที่สุดให้แก้ไข ถอดชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติ
โฆษกประธานสภาฯ ยืนยันว่า ข้อบังคับการประชุมสภาฯ 2526 หมวด 9 เรื่องการเปิดอภิปรายทั่วไป โดยเฉพาะข้อ 175 กำหนดอำนาจและหน้าที่ให้แก่ประธานสภาฯ ไว้ชัดเจน ในการตรวจสอบความถูกต้องของญัตติ หากมีข้อบกพร่องให้ประธานสภาฯ แจ้งผู้เสนอญัตติทราบภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้ญัตติ เพื่อให้แก้ไขให้ถูกต้อง ดังนั้น จึงเป็นอำนาจของประธานสภาฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจวินิจฉัย หากมีการแก้ไขญัตติถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ประธานสภาฯ จึงจะสั่งเข้าบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
กรณีที่มีการระบุชื่อบุคคลภายนอกญัตติซักฟอกครั้งนี้ ประธานสภาฯ เห็นว่าหากปล่อยให้ชื่อบุคคลภายนอกอยู่ในญัตติต่อไป จะเกิดความเสียหายและความไม่เรียบร้อยในที่ประชุม จนยากจะแก้ไข อาจเกิดการประท้วงไปมาหรือประท้วงประธานสภาฯ ว่าทำผิดข้อบังคับด้วย ไม่ควบคุมรักษาความสงบในที่ประชุม ซึ่งหากเกิดข้อผิดพลาดประธานสภาฯ จะต้องรับผิดชอบด้วย จึงต้องใช้ดุลยพินิจในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของญัตติดังกล่าว
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 178 และข้อ 69 จะเห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจห้ามผู้อภิปรายออกชื่อบุคคลใดโดยไม่จำเป็น และการอภิปรายที่อาจทำให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี หรือ สส.ได้รับความเสียหาย ถือเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจริยธรรม สส.ผู้นั้นต้องรับผิดชอบ ประธานสภาฯ ต้องการให้การประชุมและการอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดประโยชน์แก่ชาติและประชาชน จึงสั่งให้มีการแก้ไขญัตติดังกล่าว
ด้านเลขาธิการสภาฯ ได้ย้ำถึงความรอบคอบในการทำงานของวันนอร์ โดยระบุว่า มีการสั่งให้สำนักการประชุมตรวจสอบดูในอดีต การกล่าวถึงบุคคลภายนอกนั้นไม่มี แต่ใช้คำว่าบุคคลในครอบครัว อดีตสมาชิกฯ จะไม่ระบุชื่อโดยตรง เฉพาะในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะต้องอยู่ในกรอบนี้ ไม่ใช่ญัตติทั่วไป ซึ่งญัตติทั่วไปอาจมีการเอ่ยถึงบุคคลภายนอกได้ ประธานสภาฯ ก็ถือเป็นบรรทัดฐานครั้งนี้ ญัตติที่กล่าวถึงบุคคลภายนอกเคยมีเมื่อปี 2529 โดยกล่าวถึงชื่อบริษัทหนึ่ง แต่ในยุคนั้น สส.มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง 100 เปอร์เซ็นต์ แม้ไปพาดพิงบุคคลภายนอกก็ไม่สามารถฟ้องร้องได้
ขณะเดียวกัน ประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การพาดพิงบุคคลภายนอกผู้เสนอญัตติพร้อมรับผิดชอบต่อการดำเนินการดังกล่าวนั้น ในฐานะประธานสภาฯ ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ถ้าชื่อของบุคคลภายนอกไปปรากฏอยู่ในญัตติ และมีการปรากฏอยู่ในสาธารณชน เพราะเป็นคนใช้อำนาจอนุญาตให้บรรจุญัตติ ซึ่งประธานสภาฯ เล็งเห็นในส่วนนี้ถือว่ามีความสำคัญ จึงมีคำสั่งให้ฝ่ายค้านตัดการที่มีชื่อบุคคลภายนอกออกไป เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า เมื่อฝ่ายค้านยังยืนกรานที่จะใช้ญัตติเดิมไม่แก้ไขสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป เลขาฯ สภาฯ ย้ำว่า หากไม่แก้ญัตติก็คือไม่บรรจุวาระการประชุม ตามขั้นตอนสำนักเลขาธิการสภาฯ จะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อย่างเป็นทางการภายในวันที่ 11-12 มี.ค.ให้แก้ไขญัตติดังกล่าว หากแก้ไขและยื่นกลับมาทันที การซักฟอกทันวันที่ 24 มี.ค.นี้ แต่หากยื่นมาหลังวันที่ 19 มี.ค.จะไม่ทันการอภิปรายในสมัยประชุมนี้ เพราะจะปิดสมัยประชุมในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้แล้ว
๑๑น่าสนใจว่าจะลงเอยแบบไหน ชัดเจนว่านี่เป็นเกมการชิงไหวชิงพริบทางการเมืองกัน แม้แต่แพทองธารยังย้อนนักข่าวที่ถูกป้อนคำถามว่ามองเรื่องการยื่นญัตติอภิปรายเป็นเกมการเมืองหรือไม่ว่า “อยากรู้ว่าสภาฯ เหลือเวลาอภิปรายกี่วัน” นอกจากนั้น ยังได้เห็นไหวพริบ ลูกล่อลูกชนทางการเมืองของนายกฯ หญิงไม่ธรรมดากับวิสัชนาที่ว่า “เหรอ เดือนนึงเลยไหม” กับปุจฉาจะให้เวลาฝ่ายค้านอภิปราย 5 วันตามที่ร้องขอหรือไม่
ไม่เพียงเท่านั้น ลูกสาวทักษิณยันแสดงถึงความพร้อมที่จะชี้แจงฝ่ายค้านด้วยว่า จะอภิปรายกี่วันได้หมดไม่มีปัญหา และยังโชว์ความนิ่งให้เห็นกับประเด็นที่มีชื่อพ่ออยู่ในญัตติ ด้วยการบอกนักข่าวว่า อดีตนายกฯ ทักษิณไม่ได้ว่าอะไร แต่ได้ถามกลับมาว่าแล้วจะให้เข้าสภาฯ หรือ เพราะไม่ได้อยู่ในสภาฯ จะให้ไปตอบในสภาฯ หรืออย่างไร เป็นการถามเล่น ๆ ไม่ได้มีอะไร ก่อนจะแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า ให้เอาข้อเท็จจริง อย่าใช้อารมณ์ ต้องดูว่าหลักการคืออะไรและกฎคืออะไร ถ้าไม่ทำตามกฎและหลักการจะตั้งกฎและหลักการเอาไว้ทำไม ถ้าหลักการเข้าไม่ได้ จะฝืนหลักการก็ไม่ได้เท่านั้นเอง
ต้องยอมรับว่าการคลุกคลีอยู่กับผู้พ่อตั้งแต่สมัยเรืองอำนาจ ได้เห็นคนการเมืองหลากหลายรูปแบบ ถือเป็นประสบการณ์ชั้นดีที่ทำให้นายกฯ หญิงคนที่สองของประเทศ สามารถรับมือกับสถานการณ์ทางการเมืองได้ดี ยิ่งในประเด็นที่สื่อถามว่าทักษิณจะต้องตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงเรื่องที่ฝ่ายค้านพาดพิงหรือไม่นั้น อุ๊งอิ๊งย้ำว่าไม่จำเป็น จะแถลงเพื่ออะไร เพื่อให้มีประเด็นไปต่อยอดขยายผลหรืออย่างไร คนชื่อทักษิณเป็นพ่อของนายกฯ คนที่ 31 เท่านั้น ไม่ได้เป็นนายกฯ จะไปอภิปรายหรือให้มาตั้งโต๊ะแถลงคงไม่ได้
ก่อนที่จะตัดจบด้วยประโยคเด็ดที่ว่า ถ้าฮอลลีวูดชวนพ่อไปเป็นดาราถึงจะแถลงได้ ซึ่งพ่อคงไม่อยากเป็นดารา แก่แล้ว นักข่าวก็ไม่วายแซะต่อถ้าติดต่อมาจริงจะให้เป็นหรือไม่ แพทองธารก็ตอบกลับทันที “ถ้าพ่อมีคิวว่าง” เห็นท่วงทำนองแบบนี้ทำให้บรรดากุนซือพรรคเพื่อไทยสบายใจได้ ที่ฝ่ายตรงข้ามคิดว่าจะเคี้ยวหมูนั้น จะกลายเป็นเจอหมูเขี้ยวตัน หากไม่เชื่อลองไปถามเหล่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลดู เหมือนเงียบ ๆ เรียบร้อย แต่เรื่องบริหารและการทำงานต่างยอมรับว่า เขี้ยวลากดินไม่แพ้พวกเซียนการเมืองทั้งหลาย
อรชุน