
กองทุนโยกเข้าหุ้นแบงก์
หุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ถูกเทขายออกมาต่อเนื่อง ทั้ง AOT PTT DELTA CPALL และอีกหลายหุ้น กลุ่มนักลงทุนที่เทขายออกมามีเพียงแค่นักลงทุนสถาบัน
หุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ถูกเทขายออกมาต่อเนื่อง
ทั้ง AOT PTT DELTA CPALL และอีกหลายหุ้น
กลุ่มนักลงทุนที่เทขายออกมามีเพียงแค่นักลงทุนสถาบันเท่านั้น เพราะหุ้นขนาดใหญ่แล้วลงแรงแบบนี้มีแต่นักลงทุนกลุ่มนี้ที่ทำให้ราคาหุ้นบิ๊กแคปทิ้งดิ่งได้
ลำพังเพียงนักลงทุนรายย่อยไม่สามารถทำได้แน่นอน เพราะไม่ได้มีหุ้นมากขนาดนั้น
ในกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่พากันขายออกมา
มีทั้งนักลงทุนต่างประเทศ และนักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนของไทย
ในส่วนของต่างชาติ หลังจากขายแล้ว เขาก็น่าจะมีการนำเงินไปพักไว้ในสินทรัพย์อื่น เช่นพันธบัตร หรืออาจจะเป็นหุ้นอื่น หรืออาจจะนำเงินออกจากไทยไปเลย
เช่นเดียวกับกองทุน (Active Fund) ต่าง ๆ ที่ขายหุ้นบิ๊กแคปออกมา ก็ต้องนำเงินไปลงทุนต่อเช่นกัน
ประเด็นที่น่าสนใจคือ เงินที่ได้จากการปรับพอร์ต หรือขายหุ้นออกมานั้น
ทางกองทุนต่าง ๆ จะมี “ข้อจำกัด” ในการถือเงินสด
ซึ่งอาจมีข้อจำกัดทั้งจำนวนเงินสดที่ถืออยู่ และระยะเวลาของการถือด้วย
จากการสอบถามไปยังนักวิเคราะห์จะได้คำตอบตรงกันว่า เงินจากการขายหุ้นบิ๊กแคป ส่วนใหญ่ถูกนำเงินเข้าไปลงทุนต่อในหุ้นกลุ่มธนาคาร
โดยกองทุนประเภท Active Fund ได้เข้าไปซื้อสะสมหุ้นแบงก์มาต่อเนื่อง
หุ้นที่กองทุนฯ เข้าไปซื้อ เช่น SCB KTB KBANK TISCO
หุ้นแบงก์ที่ว่านี้ จะพบว่า เมื่อราคาเกิดการย่อตัวลงมาที่บริเวณแนวรับ จะมีแรงเข้าซื้อทันที
เช่น KTB มีแนวรับบริเวณ 22.00 บาท
ส่วน SCB แนวรับ 121-122 บาท
และ KBANK มีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 146 บาท
หุ้นกลุ่มแบงก์เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ ถูกมองว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า จะมีความเข้มแข็งมากสุด บวกกับมีหุ้นในกลุ่มแบงก์หลายหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลระดับสูง
เช่น SCB ที่มีดิวิเดนท์ยีลด์ สูงถึง 8% +/- เล็กน้อย
ส่วน KTB อยู่ในระดับ 6.5-7% (ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นระหว่าง 22-24 บาท)
ทิสโก้ฯ TISCO เป็นอีกหุ้นในกลุ่มธนาคารที่บรรดากองทุน และต่างชาติยังถือหุ้นเหนียวแน่น
ราคาหุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบ 96.75–100 บาท
ทิสโกฯ อย่างที่รับทราบกัน จัดเป็นหุ้นปันผลที่มีศักยภาพ ที่ให้ยีลด์แบบสม่ำเสมอระดับ 8% มาหลายปีต่อเนื่องกัน
แม้ว่าจะมีข่าวที่เป็นปัจจัยลบกับทิสโก้บ้าง เช่น ตลาดรถยนต์ที่หดตัว ปัญหารถยึดราคาตก ฯลฯ
แต่นักลงทุนสถาบันยังเชื่อว่า ทิสโก้ฯ น่าจะรับมือได้ จากประสบการณ์ในตลาดสินเชื่อรถยนต์มานาน คือ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ
สำหรับดัชนี Set Bank ช่วงสิ้นปีอยู่ประมาณ 400 จุด
จากต้นปี 2568 –วานนี้ (12 มี.ค.) ดัชนีหุ้นกลุ่มแบงก์เคยขึ้นไปสูงสุด ที่ 427 จุด และต่ำสุดปรมาณ 399 จุด
ล่าสุดวานนี้ (12 มี.ค.) ปิดที่ 406 จุด
จึงถือว่าดัชนีหุ้นกลุ่มแบงก์ยืนได้แข็งมาก และเคลื่อนไหวสวนทางกับภาพรวมของ SET
ภาวะตลาดในช่วงนี้ที่ยังไม่รู้ว่าจะร่วงลงไปถึงตรงไหน
หันมาสะสมหุ้นแบงก์บ้างน่าจะดี โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหากย่อตัวลงมา
แล้วเล่นรอบกันนั่นแหละ
ธนะชัย ณ นคร