
ยืนได้ก็พร้อมขึ้น
ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา “โมนิก้า” ได้มีโอกาสพบปะกับผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นหลายคนด้วยกัน และแต่ละคนพูดไปในทางเดียวกันว่า ราคาหุ้น ณ ดัชนี 1,100 จุด ถือเป็นระดับที่น่าลงทุนมาก ๆ
ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา “โมนิก้า” ได้มีโอกาสพบปะกับผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นหลายคนด้วยกัน และแต่ละคนพูดไปในทางเดียวกันว่า ราคาหุ้น ณ ดัชนี 1,100 จุด ถือเป็นระดับที่น่าลงทุนมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นในมุมของปันผล พ่วงด้วยพีอี คือจุดที่บอกให้นักเล่นใส่กันแบบสุดซอย แต่ภาพจริงที่เกิดขึ้นดันกลายเป็นพวกต่างชาติสาดหุ้นใส่รายย่อยแบบไม่มีเยื่อใย ตลาดหุ้นไทยถึงซึมลงเรื่อย ๆ ไงล่ะคะ
ที่น่าสนใจคือ บริษัทต่าง ๆ ยังพยายามสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้น จึงงัดแผนซื้อหุ้นคืนเพื่อช่วยพยุงราคาหุ้นออกมาเรื่อย ๆ แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ในมุมของการดูแลผู้ถือหุ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้เห็นการบริหารเงินทุนที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ อีฉันเลยมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นว่า หากดัชนียืนระยะได้นานขึ้นอีกนิดหนึ่ง ก็มีโอกาสเห็นดัชนีกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1,200 จุดนะนายจ๋า!
งานนี้อีฉันอาจหวังสูงมากเกินไปหน่อย แต่เป็นการพูดจากเรื่องจริงที่เห็นในตอนนี้ โดยเฉพาะการยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,159.64 จุด ลบไป 0.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.24 หมื่นล้านบาท มันคือภาพที่บอกเล่าเรื่องราวใหรู้ว่า ยังมีแรงซื้อเข้ามาเก็บหุ้นเยอะพอสมควร “โมนิก้า” ถึงพยายามมองหาหุ้นที่มีโอกาสดีดกลับเร็วมานำเสนอกันแฟนคลับ เพราะวันนี้ไม่สามารถพึ่งพิงอะไรจากกองทุน TESG ได้เลยพับผ่าสิ!
ขนาดหุ้นแบงก์สายแข็งอย่าง BBL ยังตกอยู่ในสภาพถูกขายเป็นระยะ จนโมเมนตัมของหุ้นกลับมาอยู่ในลักษณะแกว่งตัวลง ก่อนจะประคองตัวด้วยการปิดเสมอตัวที่ระดับ 146.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.34 พันล้านบาท และส่อแววจะหลุดฐานเดิมที่เป็นจุดเด้งกลับแบบนี้ “โมนิก้า” ต้องกังวลมากขนาดไหน? หรือ ปล่อยไปตามเรื่องตามราว? อีฉันโนคอมเมนต์ เพราะคำตอบของเรื่องนี้อยู่ที่พวกสถาบันคิดอย่างไรต่างหาก?
เช่นเดียวกับการเด้งกลับของหุ้นเครื่องดื่มชูกำลัง CBG พร้อมกับยืนปิดที่ระดับ 61.50 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 559 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการรีบาวด์อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่การเด้งเที่ยวนี้จะไปได้ไกลขนาดไหน? ยังเป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์ เพราะธุรกิจนี้ยังเรื่องสงครามราคาให้เห็นเป็นระยะ เลยไม่รู้ว่า กำไรแต่ละไตรมาสจะเป็นอย่างไรน่ะซี
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น HMPRO เป็นรายถัดมา ซึ่งเป็นผลมาจากราคาหุ้นเริ่มทรงตัวได้อีกครั้ง และเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาเป็นระลอก จนวานนี้หุ้นยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 7.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 248 ล้านบาท ท่ามกลางการเทรดบน PE 15 เท่าแบบนี้..เป็นใครก็ต้องคิดเหมือนกับอีฉันว่า สิ้นสุดขาลง! ส่วนจะเป็นจริงเหมือนที่คิดไหม? ต้องดูงบไตรมาส 1 ออกมาดีแค่ไหนจ้า!
ส่วนหุ้นเล็กที่เริ่มมีแรงซื้อกลับมาให้เห็นชัดขึ้นอย่าง AU ก็มีประเด็นรายได้โต 30% เป็นเดิมพันแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเกมท้าทายเหล่านักเล่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันหมายความว่า รายได้จะขึ้นไปแตะระดับ 2 พันล้านบาท และเมื่อคิดจากความสามารถในการทำกำไรที่ระดับ 18% ก็หมายความว่า กำไรจะพุ่งขึ้นไปที่ 360 ล้านบาทใช่ไหม? หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ การยืนปิดที่ระดับ 9.40 บาท บวก 0.30 ไป หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 16 ล้านบาท ก็น่าสนใจนะออเจ้า
คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น PIS ก็มีการตุนแบ็กล็อกไว้เป็นจำนวนมาก และยังมีโอกาสคว้างานใหม่เข้ามาอีกแบบนี้ เป็นใครก็ต้องมองไปในทางเดียวกันว่า ปีนี้กำไรโตอย่างแน่นอน “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 5.30 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6 ล้านบาท น่าจะเป็นการรอจังหวะเทคตัวรอบใหม่ โดยแรงหนุนสำคัญมาจากงบไตรมาส 1 นะจะบอกให้
โมนิก้า: และทีมงาน