
พาราสาวะถี
แทบจะไม่ต้องคาดเดาว่าบทสรุปของการประชุมวิป 3 ฝ่ายในเช้าวันนี้ (19 มีนาคม) จะจบลงอย่างไร เพราะวานนี้หลังการประชุม ครม. แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันแล้วว่า ไร้ปัญหาเรื่องการใช้บุคคลในครอบครัว
แทบจะไม่ต้องคาดเดาว่าบทสรุปของการประชุมวิป 3 ฝ่ายในเช้าวันนี้ (19 มีนาคม) จะจบลงอย่างไร เพราะวานนี้หลังการประชุม ครม. แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันแล้วว่า ไร้ปัญหาเรื่องการใช้บุคคลในครอบครัว แทนการระบุชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนเรื่องเวลา 30 ชั่วโมงที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ อ้างว่านายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับฝ่ายค้านนั้น ที่ให้สัมภาษณ์ไปหมายถึงเป็นเวลารวมที่ต้องไปจัดสรรกันระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล
นอกจากนั้น อุ๊งอิ๊งยังชี้ด้วยว่าถ้าจะใช้เวลา 30 ชั่วโมงเฉพาะของฝ่ายค้านเพื่ออภิปรายนายกฯ เพียงคนเดียวคงไม่เมคเซนส์เท่าไหร่ แม้จะออกตัวว่ากระบวนการเจรจาหาข้อยุติไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเป็นเรื่องของวิปสามฝ่าย แต่สัญญาณส่งกันไปแบบนี้คงไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ น่าจะเป็นไปตามที่ จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกรัฐบาลแถลง ครม.จะหลีกทางให้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อซักฟอกในวันที่ 24-25 มีนาคม ก่อนจะลงมติในวันที่ 26 มีนาคมนี้ โดยที่คณะรัฐมนตรีจะโยกไปประชุมในวันที่ 27 มีนาคมแทน
ฟังจากบทสัมภาษณ์ของลูกสาวทักษิณแล้ว ความพร้อมในมิติทางการเมืองที่จะต่อกรกับฝ่ายค้านนั้นดูท่าจะไม่มีปัญหา ส่วนข้อมูลที่จะถูกป้อนมาให้เพื่อใช้หักล้างข้อกล่าวหา ท่าทีของแกนนำพรรคร่วมทุกพรรคต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว ประเด็นสำคัญคงอยู่ที่การกำชับเรื่องเสียงโหวตที่จะต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไม่มีแตกแถว ซึ่งแพทองธารนัดหมายดินเนอร์กับผู้มีอำนาจตัดสินใจของแต่ละพรรควันศุกร์นี้ จนถึงขณะนี้ยังไร้วี่แววพวกที่จะแหกคอก
ขณะเดียวกัน ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง แพทองธารได้เรียกรัฐมนตรีของพรรคเข้าพบหลังการประชุม ครม. โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้น พร้อมมอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละคนเตรียมข้อมูลในส่วนที่รับผิดชอบให้พร้อมสำหรับการชี้แจง ถือเป็นงานรูทีนที่ต้องเตรียมการกันอยู่แล้ว จุดสำคัญอยู่ที่ข้อมูลลับซึ่งต้องล้วงมาจากอีกฝ่ายให้ได้ พร้อมข้อมูลโต้กลับที่จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้ามด้วย ของพรรค์นี้มีให้เห็นมาตลอดในศึกซักฟอก อยู่ที่ว่าใครจะเด็ดกว่ากัน เปิดมาแล้วจะสร้างแรงกระเพื่อมขนาดไหน
ประเด็นใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาว่าด้วยกรณีแถลงการณ์ของ มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับข้อจำกัดเรื่องวีซ่าของเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย อันเป็นผลมาจากการส่งตัว 40 ชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนนั้น ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย มีหลายเหตุผลที่จะอธิบายต่อการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลมะกันภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ผู้สุดโต่งได้ เรื่องนี้นายกฯ หญิงมองว่า ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด “ผลกระทบอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องคุยกัน ไม่ได้หนักหนาอะไร ถ้าคุยกันก็จะโอเค”
เรื่องใหม่เช่นเดียวกันที่พ่อนายกฯ เป็นคนพูดบนเวทีปราศรัยที่พิษณุโลกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กับแนวคิดให้รัฐบาลซื้อหนี้ของประชาชนจากระบบธนาคาร แล้วให้ประชาชนค่อย ๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน เพื่อจะสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ ยกจากเครดิตบูโรให้หมด ให้เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่องทำมาหากินใหม่ แนวทางตามความคิดของทักษิณนั้น อ้างว่าการดำเนินการลักษณะนี้รัฐบาลไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียว เพราะสามารถให้เอกชนลงทุน
เรื่องนี้แพทองธารชี้ว่าผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นนักธุรกิจมาก่อนให้ความสนใจ และเคยคุยกันเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว อดีตนายกฯ มีความสนใจเรื่องเศรษฐกิจและปัญหาเรื่องหนี้ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประชาชนว่ามีอะไรบ้าง และสามารถคิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง เป็นความคิดของคนที่หวังดีกับประเทศ ดังนั้น อย่านำไปเป็นประเด็นการเมือง ไม่ใช่การครอบงำ เป็นเพียงความคิดของคนที่มีความรู้เท่านั้น เพราะความเป็นจริงหากจะทำต้องผ่านกระบวนการของ ครม. ผ่านสภา ผ่านการพูดคุย เรียกได้ว่าไม่ใช่ของง่าย
ส่วนที่มีการถามดักคอกันว่าการเล่นใหญ่เปิดประเด็นที่เป็นของร้อนเพื่อให้เกิดกระแสวิจารณ์ของทักษิณ เพื่อเบี่ยงกระแส เปลี่ยนจุดสนใจของผู้คนนั้น แพทองธารชี้ว่า “ถามว่าพูดลอย ๆ เพื่ออะไร จะอภิปรายพูดออกมาแล้วจะช่วยอะไร เพื่อกลบประเด็นอภิปรายหรือ คงไม่ได้หรอก” นี่คือความเป็นตัวตนของนายกฯ หญิงคนนี้ ที่บอกแล้วว่าไหวพริบทางการเมืองในการโต้ตอบกับนักข่าวนั้นไม่ธรรมดา สะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์ทางการเมืองที่สะสมผ่านการสัมผัสมาตั้งแต่ยุคที่ผู้เป็นพ่อเป็นผู้นำประเทศ
การตัดสินใจทางการเมืองหลายเรื่องแม้แต่ทักษิณเองยังยอมรับว่าทำได้ดีกว่าตนเสียอีก การตอบคำถามล่าสุด เมื่อถอดรหัสจากคำพูดแล้ว จึงไม่แปลกที่บรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหลายคนจะให้การยอมรับในความสามารถของลูกสาวนายใหญ่ เพราะแพทองธารย้ำว่า ตัวตนก็เรื่องหนึ่ง ตนมีตัวตนของตัวเอง แต่อะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ต้องไม่เอาตัวตนไปขวาง เปรียบเทียบให้เห็นภาพถ้าฉันไม่ได้หน้า ฉันไม่ทำ ตรงนี้การเมืองในอดีตมีให้เห็นมาแล้ว จนกลายเป็นความขัดแย้ง และทำให้รัฐบาลผสมอยู่ด้วยกันลำบาก
กรณีนี้แพทองธารได้ยืนยันว่า สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง ความคิดอะไรที่ดีต้องทำ ไม่ใช่ขวางไปทั้งหมดเพราะตัวเองหรือพรรคการเมืองที่สังกัดไม่ได้ประโยชน์ ตรงนี้ถือเป็นหัวใจอีกอย่างของการเกิดรัฐบาลพลิกขั้ว หากต่างฝ่ายต่างอ้างหลักการ ยึดโยงผลประโยชน์ของพรรคเป็นที่ตั้ง ไม่มีทางที่จะทำงานร่วมกันได้ ความเห็นต่างหลายอย่างต้องวางไว้ ใช้ความเห็นร่วมที่เห็นว่าจะทำให้บ้านเมือง และการเมืองไม่สะดุดเป็นตัวนำในการบริหารประเทศร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม มีปมที่ทำให้เห็นความไม่ลงรอยกันของสองรัฐมนตรีในที่ประชุม ครม. พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ของเพื่อไทย กับ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เจ้ากระทรวงเกษตรฯ จากกล้าธรรม เกี่ยวกับประเด็นอายัดทุเรียนมาได้แล้วทำไมไม่ทำลาย ทำให้รัฐมนตรีหลายคนสงสัยสองกระทรวงนี้ไม่กินเส้นกันมาก่อนหรือไม่ ในเรื่องการระบายสินค้าการเกษตรที่มีปัญหา จนแพทองธารต้องหย่าศึกสั่งให้ไปคุยกันนอกรอบให้ได้ข้อยุติแล้วกลับมารายงาน ครม. น่าสนใจจุดเล็ก ๆ แบบนี้จะนำไปสู่เรื่องใหญ่ถึงขนาดปรับ ครม.หรือไม่
อรชุน