
พาราสาวะถี
หกโมงเย็นวันนี้ (21 มี.ค.) แพทองธาร ชินวัตร นัดหมายแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลดินเนอร์ โดยเลือกใช้โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ โรงแรมหรูระดับอัลตร้าลักชัวรี
หกโมงเย็นวันนี้ (21 มีนาคม) แพทองธาร ชินวัตร นัดหมายแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลดินเนอร์ โดยเลือกใช้โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ โรงแรมหรูระดับอัลตร้าลักชัวรีของ พิณทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว เป็นสถานที่พบปะ การรับประทานอาหารค่ำหนนี้ถือครั้งนี้เป็นนัดพิเศษ จึงไม่นับว่าเป็นคิวของพรรครวมไทยสร้างชาติที่จะต้องเป็นเจ้าภาพในรอบต่อจากภูมิใจไทย ด้วยเหตุที่นายกรัฐมนตรีหญิงต้องการฟังเสียงยืนยันถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในนามรัฐบาลผสมที่จะแสดงออกผ่านศึกซักฟอกที่จะมีขึ้นวันจันทร์นี้
สิ่งที่ลูกสาวคนเล็กของ ทักษิณ ชินวัตร อยากฟังจากปากของหัวหน้าพรรคหรือผู้มีอำนาจตัดสินใจของแต่ละพรรคคือ เสียงโหวตไว้วางใจจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากมี สส.ของพรรคไหนแหกคอกจะมีมาตรการลงโทษกันอย่างไร ตรงนี้ต้องให้ชัดเจน เพราะแพทองธารถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกและถูกจองกฐินเพียงคนเดียว พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องแสดงให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นถึงความมีเอกภาพ อันจะส่งผลต่อเสถียรภาพในระยะยาวด้วย
อีกเรื่องว่าด้วยข้อมูลลับที่เป็นเหมือนข้อสอบให้นายกฯ หญิงได้ไปทำล่วงหน้านั้น เป็นเพียงแค่การตรวจการบ้านของแต่ละพรรคการเมืองว่า รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านได้ดีขนาดไหน เพราะการศึกต้องรู้เขารู้เรา จนถึงเวลานี้แทบจะเรียกได้ว่าประเด็นที่มีการล็อกเป้าไว้แพทองธารได้รับมาเกือบทั้งหมด มีการเตรียมสคริปต์ไว้แทบจะทุกเรื่อง มีเพียงบางอย่างเท่านั้นที่เจ้าตัวขอเตรียมการเอง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการถูกพาดพิงถึงคนในครอบครัว
ความมั่นใจที่จะตอบโต้ฝ่ายค้านนั้นถือว่ามีเต็มเปี่ยม ขณะเดียวกัน เรื่องการเทรนวิธีการพูด ท่วงทำนอง ลีลาในการชี้แจงนั้น มีการฝึกฝนมาโดยตลอด เนื่องจากมีครูดีด้านการปราศรัย และพูดต่อสาธารณชนหลายคน ทั้งหมดจึงถูกถ่ายทอดมานับตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง แต่หลังจากที่ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติซักฟอก แล้วรู้ว่ามีชื่อนายกฯ แค่คนเดียวนั้น ได้มีการติวเข้มกันมากขึ้น โดยใช้ข้อมูลของเรื่องที่คาดหมายว่าจะถูกอภิปราย และส่วนที่ได้รับมาซึ่งมั่นใจว่าเป็นข้อสอบของฝ่ายตรงข้าม ทำการลับฝีปากเพื่อให้แหลมคมมากยิ่งขึ้น
ประเด็นการพาดพิงถึงบุคคลในครอบครัว ที่ไม่ใช่แค่ทักษิณ แต่อาจลามไปถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยนั้น ทางแพทองธารได้แจ้งกับทีมงานไว้แล้วว่า ไม่รู้สึกกังวล เพราะรู้อยู่แล้วว่าแต่ละเรื่องที่จะโจมตีมีอะไรบ้าง ทุกอย่างจะใช้ข้อเท็จจริงในการชี้แจงตอบโต้ ขณะเดียวกัน ในมิติทางการเมืองจะมีทีมองครักษ์พิทักษ์นายกฯ คอยประท้วงเป็นระยะหากมีการพูดถึงคนนอก เพื่อโยนให้ประธานในที่ประชุมตัดสินถือเป็นกลไกปกติในระบบรัฐสภา
จากการประเมินเบื้องต้นของคณะทำงานว่าด้วยเสียงโหวตในวันลงมติ ยังไม่มีสัญญาณจาก สส.พรรคร่วมรายใดจะยกมือสวน อาจมีบางพรรคอย่างประชาธิปัตย์ที่มีบางรายไม่ได้สนับสนุนการเข้าร่วมรัฐบาล ขอดูข้อมูลจากการอภิปรายของฝ่ายค้านก่อนตัดสินใจ แต่อย่างแย่ที่สุดที่จะทำได้คือการงดออกเสียง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่หากเกิดขึ้นทางแกนนำของพรรคการเมืองนั้น ต้องไปหามาตรการลงโทษ และอาจส่งผลต่อเก้าอี้รัฐมนตรีที่คนของพรรคได้รับโควตาด้วย
แนวโน้มของเสียงหนุนจากที่มีการประเมินกันพบว่า จะมีมือของพรรคฝ่ายค้านบางส่วนมาร่วมยกไว้วางใจแพทองธาร ไม่ใช่แค่ในจำนวนที่ ธรรมนัส พรหมเผ่า เคยบอกไว้ที่ถือเป็นการดูแลและรับผิดชอบในส่วนนั้น ทางพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคก็ได้มีการประสานกันกับ สส.ที่สนิท หรือบางรายที่มีทางที่ต้องการเปลี่ยนสีเสื้อในการเลือกตั้งครั้งหน้า ให้ใช้เวทีซักฟอกหนนี้เป็นบทพิสูจน์ คนเหล่านี้จะอยู่ในกลุ่มที่ได้รับทั้งผลตอบแทนและกล่อง
คงต้องไปดูหน้างานกันอีกที บรรยากาศของการซักฟอกจะเป็นไปด้วยความราบรื่น เรียกร้อง หรือดุเดือด วุ่นวาย ถ้าพิจารณาจากสถานการณ์หากแพทองธารและฝ่ายรัฐบาลไม่เดินไปเข้าทางของฝ่ายค้านที่ต้องออกลูกยั่วเพื่อให้เกิดการตอบโต้ ประท้วง จนเป็นเหตุให้มีความยืดเยื้อในการอภิปราย จากที่กำหนดลงมติไว้วันที่ 26 มีนาคม ต้องขยับไปอีกหนึ่งวัน ทุกอย่างก็จะจบลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเรื่องข้อมูลเด็ดกลายเป็นหมัดน็อกฝ่ายกุมอำนาจนั้น ถึงขณะนี้ยังไร้วี่แวว
เพื่อไทยเปิดตัวทีมองครักษ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเรียกขานว่า “ทีมพิทักษ์ข้อบังคับการประชุม” ชัดเจนว่าเป็นทีมงานที่จะคอยประท้วงฝ่ายค้านกรณีมีการพูดพาดพิงถึงคนนอกโดยเฉพาะทักษิณ เห็นรายชื่อแล้วส่วนหนึ่งเป็นระดับบิ๊กเนมฝีปากกล้าของพรรค ไม่ว่าจะเป็น สุทิน คลังแสง นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว อดิศร เพียงเกษ “อีโต้อีสาน” ธีระชัย แสนแก้ว รวมทั้ง อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด อดีตโฆษกพรรค และยังมี สส.ทั้งรุ่นเก๋าและรุ่นใหม่รวมกันแล้วถึง 20 คน คงจะหนีการปะทะคารมกันไม่พ้น ทีนี้ก็เป็นงานหนักของประธานในที่ประชุม จะได้เห็นลีลาการห้ามศึกของประธานและรองประธานสภาฯ ว่าใครจะเด็ดกว่ากัน
ปมปัญหาว่าด้วยการส่งตัว 40 ชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน ที่ไม่น่าจะรอดการถูกซักฟอกด้วยนั้น ภูมิธรรม เวชยชัย ควง พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง พร้อมสื่อมวลชนเดินทางไปเยี่ยมถึงเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เก็บข้อมูลมาให้นายกฯ ได้ชี้แจง จุดสำคัญคงเป็นเสียงยืนยันของคนที่ได้กลับบ้านเกิด ไม่มีการเขียนจดหมายใด ๆ ออกมาระหว่างถูกคุมตัวอยู่ที่ประเทศไทย และกลับถึงจีนแล้วก็ได้รับการดูแลอย่างดี มีชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นปกติสุข ส่วนเรื่องท่าทีของประเทศซีกโลกตะวันตกแพทองธารยืนยันเองไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง
คงมีเรื่องใหม่สด ๆ ร้อน ๆ กรณีดาราสาวยืมทรัพย์สินของเพื่อนมูลค่ามหาศาลแล้วไปปล่อยขายหรือจำนำ หนึ่งในนั้นมีสร้อยคอหรูมูลค่า 26 ล้านบาท ถูกปูดตกอยู่ในมือของรัฐมนตรีชายในรัฐบาลอักษรย่อ “พ พาน” พิชัย ชุณหวชิร พิชัย นริพทะพันธุ์ และ พิพัฒน์ รัชกิจประการ ยืนยันตรงกันไม่รู้ไม่เห็น เหลือ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กับ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ยังไม่ตอบแต่คงไม่ต่างกัน อาจมองเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ดูจากปมร้อน เกิดมีการจับแพะชนแกะแล้วดันสังคมเกิดข้อกังขา จะทำเอาตกม้าตายกันง่าย ๆ ดังนั้น ต้องรีบเคลียร์
อรชุน