
SHR สู่โหมดเติบโตรอบใหม่!
กลับเข้าสู่โหมดเติบโตอีกครั้ง สำหรับ SHR ซึ่งประกอบธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ททั้งในประเทศและต่างประเทศ ของกลุ่มสิงห์ เอสเตท
คุณค่าบริษัท
กลับเข้าสู่โหมดเติบโตอีกครั้ง สำหรับบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ซึ่งประกอบธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ททั้งในประเทศและต่างประเทศ ของกลุ่มสิงห์ เอสเตท โดยในงบปี 2567 รายงานกำไรสุทธิ 133.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.0% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 86.40 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและการให้บริการสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่ 10,352.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 9,701.10 ล้านบาท
มีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นของโรงแรมและรีสอร์ทในเกือบทุกภูมิภาคทั่วโลก ทั้งในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ และสาธารณรัฐมอริเชียส รวมถึงประเทศไทยที่แม้จะมีการปิดปรับปรุงห้องพัก จำนวน 172 ห้อง ของโรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต แต่รายได้ของโรงแรมที่บริษัทฯ บริหารจัดการเองในประเทศไทยยังคงเติบโต
โดยในปี 2567 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2566 อยู่ที่ 68% ส่วนอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตขึ้น 12% อยู่ที่ 6,515 บาท และ 4,436 บาท ตามลำดับ เมื่อประกอบกับการบริหารต้นทุนในการขายและการให้บริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ในปี 2567 มี Adjusted EBITDA ที่ 2,591.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% และกำไรจากการดำเนินงานหลัก 1,246.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในปี 2568 คาดจะเติบโตได้ต่อ โดย บล.กรุงศรี คาดกำไรในปี 2568 จะเติบโตเท่าตัวมาที่ 300 ล้านบาท จากคาดรายได้เติบโต 8% ตามการเพิ่มขึ้นของ RevPar คาดเติบโต 8% ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากการกลับมาเปิด SAii Laguna Phuket, การเติบโตของโรงแรมในมัลดีฟส์ จากคาดรัฐบาลมัลดีสฟ์จะเปิดให้บริการสนามบินใหม่ได้ในกลางปี 2568 ซึ่งจะส่งผลบวกต่อจำนวนนักท่องเที่ยว และคาดจะรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก SO/Maldives ลดลงมาที่ 120 ล้านบาท
รวมทั้งผลจากการปรับโครงสร้างหนี้ที่จะทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง 8% ซึ่งทำให้ SHR มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น ด้วยคาดหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (IBD/E) เพียง 0.8 เท่า ในปี 2568 ดังนั้น คาดกำไรโดยรวมของ SHR จะเติบโตได้โดดเด่น
ด้านบล.ดาโอ คงประมาณการกำไรปกติปี 2568 อยู่ที่ 291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% จากฐานต่ำในปี 2567 และมีการบริหารค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ดีขึ้น ขณะที่คาดกำไรในไตรมาส 1/2568 จะยังโตได้ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนได้อย่างต่อเนื่อง เพราะยังเป็นช่วงไฮซีซั่นที่ไทยและมัลดีฟส์ โดยเดือน ม.ค. 2568 เดือนเดียวมีกำไรเท่ากับกำไรในไตรมาส 4/2567 แล้ว ประกอบกับคาดว่าจะเห็นส่วนแบ่งขาดทุนจาก SO Maldives ลดลงได้อีก
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น SHR ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 57.42 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 15.94 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด อย่างไรก็ตามถ้าดู P/BV ที่ระดับ 0.48 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.11 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 3.10 บาท จากราคาต่ำสุด 1.99 บาท และราคาสูงสุด 3.80 บาท