
ผู้ป่วยต่างชาติ-นโยบายรัฐ หนุน BDMS
กลุ่มการแพทย์ของไทยเป็นหนึ่งในภาคอุตสาหกรรมที่รัฐบาลยอมรับว่ามีศักยภาพ และจะมีการหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวชูโรงเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่การเป็นฮับการลงทุน
เส้นทางนักลงทุน
กลุ่มการแพทย์ของไทยเป็นหนึ่งในภาคอุตสาหกรรมที่รัฐบาลยอมรับว่ามีศักยภาพ และจะมีการหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวชูโรงเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่การเป็นฮับการลงทุน ดังนั้นบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS จึงถือเป็นโรงพยาบาลแถวหน้าที่จะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้
BDMS เป็นผู้ให้บริการด้านสุขภาพเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีโรงพยาบาลเครือข่ายทั้งสิ้น 58 แห่ง ภายใต้ชื่อโรงพยาบาล 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบี เอ็น เอช กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล และกลุ่มโรงพยาบาลรอยัล นอกจากนี้บริษัทและบริษัทย่อยยังให้บริการด้าน Wellness Clinic และธุรกิจที่สนับสนุนด้านการแพทย์ เช่น ธุรกิจห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยาและเครื่องมือแพทย์ ธุรกิจร้านขายยาและธุรกิจโรงแรม เป็นต้น
ณ สิ้นปี 2567 ที่ผ่านมา BDMS มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 109,351 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2566 มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่ารักษาพยาบาล 7% โดยมีการเติบโตที่ดีจากรายได้ผู้ป่วยชาวไทย 5% และรายได้ผู้ป่วยชาวต่างชาติ 11% จากปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 15,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปี 2566 จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยและความซับซ้อนของโรคที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพ และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่าง ๆ
ทั้งนี้ BDMS สัดส่วนลูกค้าเป็นผู้ป่วยชาวไทย 72% และผู้ป่วยชาวต่างประเทศ 28% จำนวนผู้ป่วยดังกล่าว แบ่งเป็น ผู้ป่วยนอก 49% ผู้ป่วยใน 51% ขณะที่สัดส่วนการใช้บริการจะเป็นโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 55% นอกกรุงเทพฯ และปริมณฑล 45% โดยมีอัตรากำไร EBIT 19% อัตรากำไรสุทธิ 14.6% ดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 18.8% และ 14.1% ตามลำดับ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้บริหารให้ข้อมูลนักวิเคราะห์ โดยมองบวกต่อรายได้ค่ารักษาพยาบาล (รายได้หลัก) ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2568 ว่าจะเติบโต หนุนจากรายได้คนไข้ชาวไทยที่เร่งตัวขึ้นระดับตัวเลขหลักเดียวกลาง ๆ จนถึง 2 หลัก ส่วนรายได้คนไข้ต่างชาติจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักเมื่อเทียบกับปีก่อน
แนวโน้มรายได้คนไข้ต่างชาติ 3 อันดับแรก คาดว่าน่าจะเป็น กาตาร์ จีน และอเมริกา โดยคนไข้กาตาร์ส่วนใหญ่เข้ามารักษาโรคซับซ้อน สำหรับรายได้ค่ารักษาพยาบาลในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 นี้ คาดว่าน่าจะเติบโต 7-8% จากงวดเดียวกันของปี 2567 ขณะที่ EBITDA Margin จะอยู่ในระดับตัวเลขสองหลัก
ในขณะที่ผู้บริหาร BDMS มีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจ คำถามคือ โบรกเกอร์เห็นด้วยหรือไม่???
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) เชื่อว่า EBITDA Margin ของ BDMS ในปี 2568 จะอยู่ในระดับตัวเลขสองหลัก เร่งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2567 ที่ 24.6% สะท้อนการเติบโตของรายได้ค่ารักษาพยาบาล โดยคาดในปี 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.1% จากปีก่อน
สนับสนุนจากการเติบโตของรายได้คนไข้ชาวไทยเป็นหลัก เนื่องจากแผนการเพิ่มจำนวนเตียงและการขยายศูนย์ทางการแพทย์ในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้าน Wellness, โรคซับซ้อนและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตามในปีนี้ BDMS ยังคงเผชิญแรงกดดันจากแนวโน้มการชะลอตัวของจำนวนคนไข้ชาวไทยในโรงพยาบาลระดับกลาง เช่น พญาไทและเปาโล ตามการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ผู้รับบริการระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น
แต่ได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากคนไข้ต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลาง โดยเข้ารับการรักษาในโรคซับซ้อน หนุนจากการทำการตลาดของบริษัทฯ รวมถึงแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทย สอดคล้องกับประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยปี 2568 ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เท่ากับ 40 ล้านคน
โบรกเกอร์รายนี้มองภาพรวมดีต่อเนื่อง โดยมีมุมมองบวกต่อ BDMS ในระยะยาว จากแผนการเพิ่มจำนวนเตียง โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าจำนวนเตียงในปี 2570-2572 ไว้ที่ 9,600 เตียง และการขยายศูนย์ทางการแพทย์ในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้าน Wellness, โรคซับซ้อนและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ นอกจากนี้มองบวกต่อ BDMS จากการเป็นโรงพยาบาลที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน
นอกจากนี้ เชื่อว่ารายได้คนไข้ชาวต่างชาติปีนี้จะเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มคนไข้ Fly-in หรือกลุ่มคนไข้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามารับการรักษา โดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลางเป็นหลัก เช่น กาตาร์ และ UAE ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการสนับสนุนจากรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม มองแนวโน้มการเดินทางเข้ามารับการรักษาของคนไข้จีนเป็นปัจจัยที่ควรติดตาม จากประเด็นเรื่องความกังวลด้านความปลอดภัยในประเทศไทยที่ผ่านมา และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน สำหรับคนไข้คูเวตบริษัทฯ คาดว่าจะเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลของไทยที่ได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาลคูเวต โดยขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณการส่งคนไข้คูเวตเข้ามารักษาในไทย
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) คาดว่ากำไรสุทธิปี 2568 ของ BDMS จะอยู่ที่ 17,724 ล้านบาท โต 7.2% จากปีก่อน หนุนจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของรายได้คนไข้ชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงแผนการเพิ่มจำนวนเตียงและการขยายศูนย์ทางการแพทย์ในด้านต่าง ๆ ประเมินราคาหุ้นจากเป็นบริษัทฯ ที่มั่นคงและเป็นบริษัทฯ ที่ใหญ่ ได้ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 29.75 บาท/หุ้น แนะนำ “ซื้อ”
BDMS มีโบรกเกอร์ถึง 19 ราย แนะนำ “ซื้อ” 1 ราย แนะนำ “ถือ” ให้ราคาสูงสุด 39 บาท ต่ำสุด 27.50 บาท มีราคาเฉลี่ยที่ 33.41 บาท โดยไม่มีโบรกเกอร์รายใดแนะนำให้ขายเลย