
7 หุ้นทรุดหนัก
ไหน ๆ ก็จะจบไตรมาส 1 ปี 68 ทั้งที “โมนิก้า” จึงถือโอกาสนี้สรุปสถานการณ์ของหุ้นรายตัวในเดือน มี.ค. ให้ฟังคร่าว ๆ ก่อนดีกว่า
ไหน ๆ ก็จะจบไตรมาส 1 ปี 68 ทั้งที “โมนิก้า” จึงถือโอกาสนี้สรุปสถานการณ์ของหุ้นรายตัวในเดือน มี.ค. ให้ฟังคร่าว ๆ ก่อนดีกว่า ผนวกกับต้องการฉายภาพให้เห็นความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อหุ้นรายตัว เดี๊ยนเลยเชื่อว่า ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับแฟนคลับไม่มากก็น้อย อีกทั้งตลาดหุ้นไทยน่าจะย่ำฐานที่บริเวณนี้อีกระยะหนึ่ง จึงอยากให้นักเล่นช่วยกันประเมินว่า ราคาหุ้นลงมากเกินไปจริงไหมเอ่ย?
โดยเฉพาะในรายของเจ้าพ่อบิตคอยน์อย่าง JTS ที่ไหลลงแบบไม่มีดิสก์เบรก จนราคาหุ้นลงมายืนอยู่ที่ระดับ 28.50 บาท ทั้งที่ช่วงสิ้นเดือน ก.พ. ยืนอยู่ที่ระดับ 39 บาท และทำให้คนที่ถือหุ้นตัวนี้ขาดทุน 25% ในระยะเวลาแค่หนึ่งเดือน แถมมีโอกาสขาดทุนหนักขึ้นอีก เพราะราคาบิตคอยน์ยังซึมลงเรื่อย ๆ แบบนี้ เดี๊ยนถือเป็นเกมเสี่ยงที่นักเล่นคิดจะลองดีกับ “zero some game” ก็ต้องเจ็บหนักเป็นธรรมดาจ้า!
ขนาดหุ้นพื้นฐานแน่นเปรี๊ยะอย่าง CRC ยังเซถลาเป็นนกปีกหัก จนมองไม่เห็นหนทางที่หุ้นตัวนี้จะฟื้นตัวได้ในเร็ววัน คงเป็นผลมาจากความกังวลในเรื่องกำไรไตรมาส 1 อาจพลาดเป้าค่อนข้างเยอะ นักลงทุนสถาบันถึงรินหุ้นออกมาไม่หยุด จนหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 25.75 บาท ทั้งที่สิ้นเดือนก่อนราคาหุ้นยืนอยู่ที่ 33.50 บาท และเป็นผลให้คนถือหุ้นขาดทุนไปถึง 21% แบบนี้..เซ็งเป็ดกันเป็นแถวสิคะ
อีกรายที่ “โมนิก้า” เห็นการไหลลงของราคาหุ้นแล้วใจหายวาบก็คือ SAPPE เพราะเป็นหุ้นที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดอง และในไตรมาส 1 ของทุกปีก็เป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ แต่ดันกลายเป็นว่า เดือน มี.ค. ราคาหุ้นร่วงถึง 21% จากที่เคยยืนอยู่ในระดับ 45.25 บาท มาวันนี้ยืนอยู่ที่ 34.75 บาท และยังมีแรงขายรินออกมาให้เห็นตลอดเวลาแบบนี้..หุ้นมันจะขึ้นได้อย่างไรเจ้าคะ
ส่วนรายที่อนาคตดับวูบอย่างโรงพยาบาลธนบุรี THG ยังเกาะกลุ่มหุ้นที่ร่วงหนักทุกเดือนต่อไปแบบไม่มีกำหนด เพราะปัญหายักยอกเงินภายในบริษัท มันทำให้ผู้คนไม่มั่นใจในระบบการทำงาน ผนวกกับปีที่ผ่านมาขาดทุนยับ เพราะต้องตั้งสำรองจำนวนมหาศาล “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เดือน มี.ค. ราคาหุ้นร่วงถึง 20% และอาจทำให้การยืนปิดที่ระดับ 8.90 บาทยังสุ่มเสี่ยงต่อการถูกขายอีกยกนะจ๊ะ
ประเด็นข้างต้นไม่ได้ทำให้ “โมนิก้า” เกิดอาการงุนงงเท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้น SISB เนื่องจาก “รายได้ก็โต กำไรก็โต” แต่ราคาหุ้นกลับทรุดลงแบบไม่มีกำหนด และถ้าดูจากกำไรต่อหุ้นในปี 67 ที่อยู่ในระดับ 0.94 บาท และในปี 68 กำไรต่อหุ้นน่าจะทะลุ 1 บาท จึงอยากให้นักลงทุนประเมินการยืนปิดที่ 17 บาท สมเหตุสมผลไหม? และถ้าดูราคาหุ้นปลายเดือน ก.พ. ที่ระดับ 21.30 บาทเป็นที่ตั้ง และราคาหุ้นเดือนนี้ร่วงมาแล้ว 20% คุณ ๆ ท่าน ๆ ว่า น่าซื้อไหมล่ะคะ
สำหรับรายที่ต้องเฝ้าระวังอย่าง SAWAD ถือเป็นช็อตที่ทำให้เดี๊ยนหนักใจเหลือเกิน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มีแต่คำแนะนำให้ขายไปก่อน! และทำให้ราคาหุ้นในเดือน มี.ค. ร่วงลงไปเกือบ 17% จนตอนนี้ราคาหุ้นยืนอยู่ที่ระดับ 28.50บาท ท่ามกลาง PE 8.60 เท่า เป็นใครก็ต้องแนะนำให้ซื้อทั้งนั้น! แต่เป็นเพราะความกังวลเรื่องเอ็นพีแอลยังปูดไม่หยุด จึงทำให้ทุกคนขอดูงบไตรมาส 1 จะออกมาอย่างไรก่อน..ต่อจากนั้นค่อยว่ากันพะย่ะค่ะ
สถานการณ์ข้างต้นคล้ายกับ DOHOME เหลือเกิน เพราะแรงขายที่ออกมาไม่หยุดหย่อนก่อนหน้านี้ ก็มาจากเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวกระทบกำลังซื้อ จึงทำให้นักเล่นประเมินว่า ไตรมาส 1 น่าจะมีปัญหา ซึ่งเป็นแรงฉุดรั้งที่ทำให้ราคาหุ้นเดือนนี้ร่วงไป 16% แต่ถึงกระนั้นจะเห็นว่า การยืนปิดของราคาหุ้นที่ระดับ 5.75 บาท ยังเป็นการเทรดบน PE 30 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่สูงเกินไปในภาวะตลาดหุ้นแบบนี้ จึงมีสิทธิ์โดนถล่มอีกยกนะคะ
โมนิก้า: และทีมงาน