SABUY ปริศนากระเป๋ารั่ว.!?

ดูท่าวิบากกรรมหุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ยังไม่จบไม่สิ้นนะเนี่ย...แม้จะมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ไปแล้ว


ดูท่าวิบากกรรมหุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ยังไม่จบไม่สิ้นนะเนี่ย…แม้จะมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ไปแล้ว มีกลุ่มทุนใหม่เข้ามา นำโดย “วิน-อิทธิชัย พูลวรลักษณ์” เขยเล็กของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” นักการเมืองผู้มากบารมี ที่มาถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 14.91% ตามด้วย Insignia Holdings Limited ถือหุ้น 14.39% และ “วริศ ยงสกุล” ถือหุ้น 5.79%

รวมทั้งการปรับโครงสร้างธุรกิจ จากธุรกิจตู้เติมเงิน ตู้ขายสินค้า และอีกสารพัดอย่าง จะมุ่งไปสู่ธุรกิจให้บริการด้านโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ทั้ง B2B และ B2C รวมถึงธุรกิจไฟแนนซ์แทน…

แต่กรรมเก่าที่ทำไว้แต่หนหลัง (คงไม่ต้องบอกนะว่าใครที่ก่อกรรมนี้) ยังตามหลอกหลอน SABUY ไม่เลิก…ล่าสุดผู้สอบบัญชีได้ตั้งข้อสังเกตในงบการเงินปี 2567 ดังนี้ 1) มีทรัพย์สินและสินค้าคงเหลือสูญหายรวม 215 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินของบริษัท 114 ล้านบาท เป็นของบริษัท พลัส เทค อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTECH 89 ล้านบาท และที่เหลือเป็นของบริษัทย่อยอื่น

2) เดือน ต.ค. 2567 บริษัทซื้อบริษัท ล็อคบอกซ์ กรุ๊ป จำกัด (LOCKBOX) และบริษัท ล็อคบอกซ์ เวนเจอร์ส จำกัด (LOCKVENT) ซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่าตู้ล็อกเกอร์ ในราคา 360 ล้านบาท โดยมีค่าความนิยม 257 ล้านบาท (คิดเป็น 71% ของมูลค่าซื้อ) ซึ่งการประเมินมูลค่ายุติธรรมยังไม่แล้วเสร็จ และอาจมีการปรับปรุงมูลค่าในอนาคต

และ 3) บริษัทมีประเด็นเรื่องความไม่แน่นอนอย่างมีสาระสำคัญต่อการดำเนินงานต่อเนื่อง กรณีปี 2567 ขาดทุน 6,238 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,283% จากปีก่อน และมีขาดทุนสะสม 8,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,103% จากปีก่อน รวมทั้งบริษัทถูกสถาบันการเงินฟ้องคดีแพ่งจากการผิดนัดชำระหนี้

สาเหตุที่ทำให้บริษัทขาดทุนสูงมาก 1) ผลกระทบจากการลงทุนในบริษัท ทีเอสอาร์ ลิฟวิ่ง โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TSR, บริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ AS, PTECH และบริษัทอื่น 5,731 ล้านบาท 2) ขาดทุนจากการวัดค่าสินทรัพย์ทางการเงิน 111 ล้านบาท และ 3) ขาดทุนจากการด้อยค่าธุรกิจและยกเลิกสัญญาทางธุรกิจ 416 ล้านบาท

กลายเป็นว่า SABUY เกิดปริศนากระเป๋ารั่วซะงั้น..!!

เลยเป็นที่มาให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องสั่ง SABUY ชี้แจงข้อมูลด่วน ๆ เดดไลน์ในวันที่ 3 เม.ย. 2568 ดังนี้…

1) กรณีทรัพย์สินสูญหาย อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรอบเวลาในการตรวจสอบเชิงลึกและผลการตรวจสอบการดำเนินการแก้ไขระบบควบคุมภายในเพื่อดูแลทรัพย์สินและมาตรการตรวจนับทรัพย์สินของกลุ่มบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวอีก

2) กรณีซื้อกิจการให้เช่าตู้ล็อกเกอร์ อธิบายกรอบเวลาของการประเมินราคาทรัพย์สินแล้วเสร็จและการประเมินความเสี่ยงที่อาจด้อยค่าเงินลงทุนและค่าความนิยมของธุรกิจ

3) แนวทางจัดการกรณีถูกสถาบันการเงินฟ้องคดีแพ่งจากการผิดนัดชำระหนี้ ความคืบหน้าการเจรจาและแนวทางการติดตามหนี้กับ TSR รวมทั้งมาตรการกำกับดูแลความเสี่ยงกรณีอาจจะไม่ได้รับชำระหนี้

4) แนวทางดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต เนื่องจากมีการด้อยค่าธุรกิจและยกเลิกสัญญาธุรกิจหลายรายการ รวมทั้งมีประเด็นเรื่องความไม่แน่นอนอย่างมีสาระสำคัญต่อการดำเนินงานต่อเนื่อง พร้อมอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขาดทุนจากการวัดค่าสินทรัพย์ทางการเงิน

5) ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับ (1) ความเพียงพอและเหมาะสมของระบบควบคุมภายในของกลุ่มบริษัทจากกรณีในข้อ 1) รวมทั้งกลไกการติดตามดูแลของคณะกรรมการตรวจสอบและมาตรการกำกับดูแลเรื่องดังกล่าว และ (2) มาตรการกำกับดูแลความเสี่ยงจากการให้เงินกู้ยืม การลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ การลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งส่งผลให้ผลการดำเนินงานปี 2567 เป็นขาดทุนสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงหากมีการลงทุนหรือทำธุรกรรมใด ๆ ในอนาคตด้วย

อ้อ…เห็นว่าไม่ได้รั่วแค่กระเป๋า SABUY นะ กระเป๋าบริษัทลูกก็รั่วเหมือนกัน…

แหม๊…เจอปริศนากระเป๋ารั่วอย่างนี้ ไม่รู้ว่า “วิน–อิทธิชัย” จะแก้กรรมเก่า SABUY ได้หรือเปล่า..?? หรือจะถอดใจไปเสียก่อน..??

เพราะดูจากสถานการณ์แล้วหนักหนาสาหัสจริง ๆ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button