JMT ยอดจัดเก็บหนี้ฟื้นตัว

JMT โครงสร้างรายได้ ณ สิ้นไตรมาส 4/2567 1.รายได้ดอกเบี้ย 76.35% 2.กำไรจากการซื้อบัญชีลูกหนี้ 13.27% 3.รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า 6.02%


คุณค่าบริษัท

บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT โครงสร้างรายได้ ณ สิ้นไตรมาส 4/2567 1.รายได้ดอกเบี้ย 76.35% 2.กำไรจากการซื้อบัญชีลูกหนี้ 13.27% 3.รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า 6.02% 4.รายได้รับประกันภัย 4.35%

JMT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567 มีกำไรสุทธิ 400.17 ล้านบาท ลดลง 25.94% จากไตรมาส 4/2566 และลดลง 6.92% จากไตรมาส 3/2567 ที่มีกำไรสุทธิ 429.91 ล้านบาท กำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 ที่อ่อนตัวเป็นผลรายการ One-time คือการด้อยค่าของค่าความนิยม (Goodwill) ในบริษัทย่อยราว 59 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับสุทธิที่อ่อนตัวลงค่อนข้างมาก ขณะที่ในส่วนธุรกิจหลักมีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อย โดยยอดจัดเก็บอยู่ที่ 1,464 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาส 3/2567 แม้ว่าจะอ่อนตัว 4% จากไตรมาส 4/2566 โดยเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล และจากกลยุทธ์การฟ้องคดีเพื่อให้ลูกหนี้กลับเข้ามาเจรจา ขณะที่ต้นทุนการให้บริการลดลง 6% เมื่อเทียบไตรมาส 3/2567 แม้จะยังเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาส 4/2566 และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ (ECL) ลดลงค่อนข้างมากถึง 52% เมื่อเทียบกับทั้งไตรมาส 3/2567 และไตรมาส 4/2566 ซึ่งเป็นผลจากแนวโน้มยอดจัดเก็บที่ดีขึ้นตามที่บริษัทได้คาดไว้

อัตรากำไรขั้นต้นของ JMT อยู่ที่ 64.3% ลดลงจาก 68.5% ในไตรมาส 4/2566 แต่เพิ่มขึ้นจาก 63.2% ในไตรมาส 3/2567 ส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC อยู่ที่ 108 ล้านบาท ลดลง 32% จากไตรมาส 4/2566 และ 15% จากไตรมาส 3/2567 ทั้งนี้กำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 หากไม่รวมรายการพิเศษจากการด้อยค่า Goodwill ของบริษัทย่อย กำไรปกติไตรมาส 4/2567 ของ JMT จะอยู่ที่ 456 ล้านบาท ลดลง 16% เมื่อเทียบไตรมาส 4/2566 แต่เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาส 3/2567 โดยกำไรปกติงวดปี 2567 ของ JMT อยู่ที่ 1,675 ล้านบาท และในงบปี 2567 JMT ซื้อหนี้ได้ราว 1.1 พันล้านบาท

JMT คงเป้ากำไรสุทธิ New High ในปี 2568 โดยปีหน้า JMT มองยอดจัดเก็บ (Cash collection) และ ECL จะกลับเข้าสู่ระดับปกติ ณ ปัจจุบันสิ้นไตรมาส 4/2567 JMT มีพอร์ตคิดเป็นมูลหนี้รวม (กรณีรวม JK) 544,920 ล้านบาท ประมาณ 87% เป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน (Unsecured NPL) และ 13% เป็นหนี้มีหลักประกัน (Secured NPL)

JMT คงเป้าซื้อหนี้ปี 2568 ที่ 2 พันล้านบาท ตรงกับประมาณการของบล.กรุงศรี (เทียบกับปี 2567 ที่ซื้อหนี้ได้เพียง 1.1 พันล้านบาท) แต่ยังถือเป็นระดับต่ำ โดยยังได้รับผลการชะลอขาย NPL ของแบงก์จากมาตรการให้สินเชื่อด้วยความรับผิดชอบและคุณสู้เราช่วย ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 คาดการซื้อหนี้ยังน้อย และคาดว่าจะมีการกลับมาซื้อรอบใหญ่อีกครั้งในปี 2569 (เทียบปี 2565-2566 ที่ซื้อหนี้มาประมาณ 4.6 พันล้านบาท และ 7.3 พันล้านบาท ตามลำดับ)

บล.กรุงศรี มองฐานะการเงินของ JMT ยังคงแข็งแกร่งที่ระดับสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนผู้ถือหุ้นรวม (IBD/E) ที่ 0.5 เท่า ยังมีความสามารถในการกู้ยืมเพิ่ม (Debt headroom) และเมื่อเทียบกับสัดส่วนเงื่อนไขสัญญา (Covenant ratio) ที่ 3 เท่า แล้วคาดว่าบริษัทสามารถ Rollover หุ้นกู้ได้

ข้อมูลจาก LSEG Consensus สำหรับ JMT ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2568 ที่ 5,397.19 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 1,897.85 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 15.86 บาท จาก 7 โบรกเกอร์

บล.กรุงศรี มองปี 2568 สำหรับ JMT ยังคงภาพการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากยอดจัดเก็บ (Cash collection) ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ (ECL) ที่ลดลง โดยคงประมาณการกำไรปี 2568 เติบโต 9% ที่ 1.75 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มไตรมาส 1/2568 คาดกำไรปกติไตรมาส 1/2568 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบไตรมาส 1/2567 ตามทิศทาง ECL ขาลง และลดลงเมื่อเทียบไตรมาส 4/2567 จากปัจจัยฤดูกาล ซึ่งโดยทั่วไปไตรมาส 4 เป็นจุดสูงสุดของปี

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น JMT ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 1 เม.ย. 2568 ที่ 12.80 บาท) เทรดที่ P/E 11.57 เท่า ต่ำกว่า P/E กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 16.49 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น JMT อยู่ที่ 0.70 เท่า ต่ำกว่า P/BV กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 1.14 เท่า

Back to top button