พาราสาวะถี

ใช้วิธีการติ๊ดชึ่งดึงจังหวะตามเกมการเมืองที่เปลี่ยนไป ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่ถูกบรรจุเข้าวาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ เหมือนเป็นการทิ้งทวนก่อนจะปิดสมัยประชุม


ใช้วิธีการติ๊ดชึ่งดึงจังหวะตามเกมการเมืองที่เปลี่ยนไป ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ถูกบรรจุเข้าวาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (9เมษายน) เหมือนเป็นการทิ้งทวนก่อนจะปิดสมัยประชุม เป็นอันต้องเลื่อนออกไปรอการพิจารณาในสมัยประชุมหน้า หลัง แพทองธาร ชินวัตร นำทีมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดแถลงข่าวหลังประชุม ครม. ขอหยิบยกเรื่องอื่นที่สำคัญกว่ามาหารือกันก่อน

เข้าใจได้เมื่อกระแสต่อต้านเริ่มแรงขึ้น ขณะเดียวกันก็เกิดข่าวปล่อย ทักษิณ ชินวัตร พ่อนายกฯ ขู่เขี่ยพรรคร่วมทิ้งหากไม่สนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่ของพรรค์นี้แม้จะมีมูล สุดท้ายก็ต้องถูกโยนเป็นความผิดของคุณแหล่งข่าว รายงานข่าว ว่ามีการปล่อยเพื่อหวังผลทางการเมือง ทำให้รัฐบาลผสมเกิดรอยร้าว ซึ่งเรื่องนี้แพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถามของนักข่าว ทว่ามีวลีเด็ดที่ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไหนเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่สมัยของตน “อยากให้พรรคร่วมมีความเต็มใจในการโหวตเห็นด้วย”

แม้จะไม่ได้มีการชี้ชัดโดยตรงว่าพรรคร่วมพรรคไหนยังมีความค้างคาใจต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ การส่งสัญญาณออกมาแบบนี้ ก็เท่ากับว่าเกิดการกระตุกเพื่อไม่ให้รัฐบาลสะดุด ซึ่งจะบอกว่าไม่เห็นด้วยคงไม่ถูกต้องนัก เพราะร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.ไปแล้ว ถือเป็นกฎหมายของรัฐบาลที่ทุกพรรคร่วมมีความเห็นสอดคล้องต้องกัน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องของสภาที่ต้องไปว่ากัน

อย่างที่รู้กัน ในชั้นของสภาผู้แทนราษฎรการคอนโทรลเสียงในซีกรัฐบาลไม่มีปัญหา แต่เมื่อร่างกฎหมายผ่านสภาล่างไปแล้ว ต้องเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา เมื่อ สว.สายสีน้ำเงินยืนเป็นเงาทะมึนอยู่ ย่อมมีโอกาสที่จะถูกตีตก ขณะเดียวกัน พรรคของ อนุทิน ชาญวีรกูล โดย ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ลูกชายของ เนวิน ชิดชอบ เคยประกาศไปแล้ว คุยกับนายกฯ เห็นด้วยที่จะเลื่อนเรื่องนี้ออกไป หากมีเรื่องอื่นที่สำคัญและเป็นความเดือดร้อนของประชาชนรออยู่

จึงเป็นบทสรุปที่ดูสวยหรูผ่านการแถลงของแพทองธารพร้อมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เลื่อนกฎหมายร้อนฉบับนี้ออกไปไม่ใช่ถอน โดยรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติขอโฟกัสปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าก่อน ทั้งกรณีผลกระทบที่เกิดจากแผ่นดินไหว และการรับมือกับการขึ้นภาษีมหาโหดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นทางถอยที่สวยงาม หลังจากนี้ก็ไปหาทางที่จะดำเนินการกันต่อ ต้องทำประชามติ หรือปรับแก้กันอย่างไร ให้เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย

ขนาดถึงขั้นที่ว่าจะต้องถอนกาสิโนออกจากเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เลยหรือไม่ คงไม่ไปถึงจุดนั้น เบื้องต้นแพทองธารมองว่าเกมการเมืองพยายามที่จะบิดเบือนให้เรื่องนี้กลายเป็นการส่งเสริมการพนัน ด้วยการหยิบยกปมบ่อนถูกกฎหมายมาเป็นเรื่องหลัก โดยไม่ได้มีการพูดถึงประโยชน์ของสถานบันเทิงครบวงจรที่เป็นหัวใจสำคัญของการผลักดันเรื่องนี้ ต้องย้อนกลับมาอย่างที่เสี่ยหนูว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องประชาสัมพันธ์ให้เกิดความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ไปในทิศทางเดียวกัน

ความจริงแล้วเรื่องนี้เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นหลัก กาสิโนเป็นรอง แต่ทำไปทำมากลายเป็นว่ากาสิโนถูกเปิดแผลและขยายผลว่าเป็นเรื่องหลักในการผลักดันไปเสียฉิบ หากพิจารณาโดยบริบทของกฎหมายที่ผ่านมือจากรัฐบาลไปแล้ว การพูดคุยเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ จึงไม่ใช่หน้าที่ของแพทองธารในตำแหน่งนายกฯ แต่จะเป็นการเจรจาหารือในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลให้เกิดความเข้าใจ และสื่อสารกับลูกพรรคเพื่อให้สนับสนุนกันอย่างพร้อมเพรียง และเต็มใจ

ไม่ใช่เกิดการแบ่งบทกันเล่น หัวหน้าพรรคพูดอีกอย่างแต่ลูกพรรคไปอีกทาง สุดท้ายก็ต้องวกกลับมาที่ถูกฝ่ายตรงข้ามนำไปให้ร้ายป้ายสีเกิดความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ต้องพูดถึงว่าจะกลายเป็นความแตกแยก เพราะด้วยข้อตกลงและภารกิจหน้าที่ยังไงก็ต้องจับมือกันเดินให้สุดทางและยังต้องไปต่อ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทุกครั้งเมื่อเกิดประเด็นระหองระแหง ท้ายที่สุดก็ต้องมาปิดจบที่การร่วมกันแถลงข่าวกลบทุกกระแสของแพทองธารพร้อมหัวหน้าพรรคร่วมทุกคน

หลังจากถอนฟืนออกจากกองไฟด้วยการจัดเรียงลำดับความสำคัญของเรื่องที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการแล้ว ปมร้อนตึก สตง.ถล่ม ที่แพทองธารมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไปประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริง โดยขีดเส้น 7 วัน กลับมารายงานและหารือก่อนการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งนายกฯ หญิงชี้จากการพูดคุยพบข้อสงสัยหลายเรื่อง ที่เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากตั้งแต่เริ่มต้น และในกระบวนการก่อสร้าง

แน่นอนว่า หากใช้หน่วยงานราชการเพียงอย่างเดียวตรวจสอบย่อมหนีข้อครหาไม่พ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการตรวจสอบข้อผิดพลาดในการจัดซื้อจัดจ้างของ สตง. ที่ถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากับส่วนราชการต่าง ๆ จึงมีข้อสรุปที่จะใช้บริการของคณะวิศวกรรมศาสตร์ของ 4 สถาบันชั้นนำในประเทศ ทำงานร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง หาสาเหตุ โดยแต่ละฝ่ายจะทำโมเดลแยกกันเพื่อจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของตึกที่ถล่ม เพื่อจะได้ทราบสาเหตุว่ามีอะไรที่ทำให้ถล่ม

ชัดเจนว่า การร่วมมือกับ 4 สถาบันเพื่อยืนยันความโปร่งใส ทำให้ประชาชนเข้าใจ บทสรุปที่ออกมานั้นทุกฝ่ายจะเชื่อมั่น และยอมรับ แม้ว่าการทำงานลักษณะนี้จะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบที่อาจจะนานถึง 90 วัน แต่แพทองธารยืนยัน ระหว่างการตรวจสอบหากพบสิ่งไหนที่ทำแล้วผิดกฎหมาย ผิดมาตรฐาน ผิดกระบวนการถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย สามารถดำเนินคดีได้ทันที แอ็กชันแข็งแรงขนาดนี้ ต้องไปดูในส่วนของฝ่ายปฏิบัติจะเด็ดขาด และสร้างความกระจ่างเป็นที่พึงพอใจของประชาชนได้หรือไม่

อรชุน

Back to top button