พาราสาวะถี

หลังจากที่ แพทองธาร กำลังจะถูกขย้ำกับการเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้าสู่สภาก่อนวันปิดสมัยประชุมเพียงแค่หนึ่งวัน


หลังจากที่ แพทองธาร ชินวัตร กำลังจะถูกขย้ำกับการเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้าสู่สภาก่อนวันปิดสมัยประชุมเพียงแค่หนึ่งวัน ตีคู่มากับข่าวปล่อย ทักษิณ ชินวัตร ขู่ขับพรรคร่วมที่ไม่ยกมือหนุนพ้นรัฐบาล พอมีการใส่เกียร์ถอยที่ประชุมวิปรัฐบาลมีมติให้เลื่อนญัตติดังกล่าวออกไป พร้อมร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 3 ฉบับ กับร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข โดยดันให้ญัตติเสนอรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาสหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีมหาโหด โฟกัสของหน้าสื่อจึงเปลี่ยนไป

ไม่รู้จะเป็นการรุกไล่ให้รัฐบาลจนแต้ม หรือเปิดทางให้แพทองธารได้คะแนนนิยมเพิ่ม เพราะมีการยืนยันว่าในฐานะนายกรัฐมนตรีได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาหาแนวทางที่จะเจรจากับทางสหรัฐฯ มาตั้งแต่วันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งเสียด้วยซ้ำไป เนื่องจากอ่านเกมกันออก การหวนกลับมารับเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัยของผู้นำสุดโต่ง ยังไงเสียย่อมหนีไม่พ้นจะเกิดความเปลี่ยนแปลงชนิดโกลาหลกันทั้งโลกแน่นอน

ประเด็นเดียวกันนี้ พ่อนายกฯ ก็ให้สัมภาษณ์ในวันที่เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยเพื่อให้ลูกสาว พร้อมแกนนำ และ สส.ของพรรครดน้ำขอพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ปฏิเสธปมขู่ไล่พรรคร่วมพ้นรัฐบาลหากไม่หนุนร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ชี้แค่ข่าวปล่อยไม่ได้มีการยื่นหมูยื่นแมวใด ๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน มีการพูดถึงแพทองธาร ที่สั่งให้มีการพิจารณาเรื่องเร่งด่วนทางเศรษฐกิจคือการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ก่อน เพราะประชาชนอยากรู้เรื่องนี้ จึงต้องจัดลำดับความสำคัญกันใหม่

อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ได้ยกเลิก แต่เลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน เมื่อมองจากมุมของทักษิณเห็นได้ชัดว่า เรื่องนี้คงไม่ได้กลับมาพิจารณาโดยเร็วเหมือนที่มีการคาดหมายว่าจะเข้าสู่วาระพิจารณาในการเปิดประชุมสภาสมัยหน้าทันที จับสัญญาณที่ส่งจากนายใหญ่ต่อให้ไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ รัฐบาลหน้าก็สามารถทำต่อได้ เพราะกระบวนการทุกอย่างเตรียมการไว้หมดแล้ว ซึ่งในความหมายของพ่อนายกฯ ก็คือ ยังไงเพื่อไทยก็ได้กลับมาเป็นแกนนำรัฐบาลอยู่ดี

ส่วนปมเสียงค้านจาก สว.นั้น ดูจากท่าทีแล้วไม่มีอะไรต้องกังวล ยิ่งเป็นพวกมีสังกัดยิ่งคุยกันได้ ง่ายยากขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่นำไปเจรจา ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่ทักษิณถ่ายทอดมุมมองทิศทางเดียวกันกับแพทองธารก็คือ ร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกเกมการเมืองเล่นงาน ด้อยค่าโดยชูเรื่องของกาสิโนเป็นตัวจุดกระแสให้เกิดการต่อต้านจากสังคม หรือเหล่าบรรดาปากว่าตาขยิบทั้งหลาย น่าสนใจคงเป็นคนรุ่นใหม่ที่พอสวมหัวโขนฝ่ายค้านแล้ว ก้มหน้าก้มตาค้านแบบหัวชนฝาอย่างเดียว

บางพรรคเคยเห็นด้วย เชียร์เต็มที่ ถึงขนาดมีนโยบายพรรค แต่ท่าทีวันนี้คนละอย่าง นั่นย่อมที่จะอดตั้งคำถามเรื่องจุดยืนไม่ได้ จากที่เคยใช้เหตุผล กลับตาลปัตรเป็นพวกค้านดะ เล่นการเมืองน้ำเน่ายิ่งกว่าพวกนักเลือกตั้งไดโนเสาร์เสียอีก อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เพื่อไทยจำใจถอนคันเร่ง คงเป็นการเห็นด้วยแบบไม่เต็มร้อย หรือเต็มใจของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคนั่นเอง ซึ่งประเด็นนี้นายใหญ่ก็ยอมรับว่า นายกฯ และพรรคแกนนำไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล

ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า แนวทางการเมืองของทักษิณ ณ วันนี้ต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว หรือมีเสียงมากพอที่จะไม่ต้องง้อพรรคร่วมก็ได้ ไม่ใช่เพียงแค่บริบทการเมืองที่เปลี่ยนไป ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้นายใหญ่เห็นว่า พวกนักการเมืองก็อยู่กับการเมืองทั้งนั้น อย่างไรก็หนีการเมืองไม่พ้น จึงเกิดการปลงต่อเสียงค้านร่างกฎหมายนี้จากพวกเดียวกัน ไปได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไปได้ก็คือไป ไปไม่ได้ก็คือไม่ไป ทำให้บทสรุปที่ว่า ถ้าจะให้ไปได้ก็ไปได้ แต่อยากให้เป็นความพอใจและสมัครใจของทุกฝ่าย ไม่อยากฝืนความรู้สึก

ด้วยท่วงทำนองถ้อยทีถ้อยอาศัยนี้เอง จึงทำให้ ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลูกชายคนโตของ เนวิน ชิดชอบ ประกาศกลางสภาในระหว่างอภิปรายญัตติขอให้สภาฯ พิจารณาแผนการรับมือจากภัยพิบัติธรรมชาติ และผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก รวมทั้งภัยความมั่นคงจากสถานการณ์โลกที่ตัวเองเสนอ ชื่นชม ยกย่อง แพทองธารเป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง คือนายกฯ ของประเทศไทยอย่างแท้จริง

สมแล้วที่เป็นลูกไม้ใต้ต้น เหตุผลที่ทำให้แม่บ้านพรรคสีน้ำเงินเชิดชูนายกฯ หญิงนั้น เป็นเพราะยอมถอยร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อให้สภาได้พิจารณาญัตติที่มีความสำคัญต่อการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนและทุกภาคส่วน ภาษาที่ลูกชายเนวินใช้นั้นชวนให้เคลิ้มกันเลยทีเดียว เพราะมีการให้คำมั่นสัญญาว่า จากนี้เป็นต้นไปตนจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง สติปัญญาที่ตนมี เพื่อสนับสนุนนายกฯ ด้วยความสุจริตใจ ตราบใดที่นายกฯ มองถึงประโยชน์ของประชาชนมาก่อนอย่างนี้ต่อไป

นี่คือลักษณะเฉพาะของนักการเมือง และพรรคการเมืองที่เป็นยุคก่อนต้องบอกว่าประเภทปลาไหลเรียกพี่ คนพวกนี้จึงไม่เคยตกขบวนการเกาะกุมอำนาจบริหารบ้านเมือง เป็นเรื่องที่เลียนแบบได้ยาก นี่ขนาดคนรุ่นใหม่ยังหวานเจี๊ยบได้ขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าพรรคอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ให้เกียรติลูกสาว และยกย่องพ่อนายกฯ อยู่ตลอดเวลา หนึ่งปัจจัยที่ทำให้บางเรื่องหรือหลายเรื่องที่ดูเหมือนจะเกิดความขัดแย้งระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย แต่ด้วยสายสัมพันธ์ และเบื้องหลังที่เสี่ยหนูและบิ๊กแม้วได้พบเจอ จึงทำให้สองฝ่ายไม่สามารถจะแยกจากกันได้

การสื่อสารจากนายใหญ่ไปยังบรรดา สส.ของเพื่อไทยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ชวนให้เกิดความหวัง กับการบอกว่าขออย่าหวั่นไหวกับคนปั่นกระแสให้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ก่อนจะประกาศว่า หลังสงกรานต์ไปแล้วอีกไม่กี่เดือน บ้านเมืองจะค่อย ๆ คลี่คลาย ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความมั่นคง เป็นไปตามที่นายกฯ พยายามจะทำ ซึ่งจะได้รับความร่วมมืออย่างดีมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะเห็นผลอย่างชัดเจนในปี 2569 ยี่ห้อบิ๊กแม้วคนเชื่อย่อมมากกว่าที่คิดว่าโม้

อรชุน

Back to top button