วันหยุดยาวกับดัชนีตลาดหุ้นไทย

นับแต่วันนี้ไปดัชนี SET คงจะต้องหยุดทำการยาวไปจนถึงปลายสัปดาห์หน้าเลยทีเดียวเพราะวันหยุดยาวเกิดขึ้นในช่วงขาลงของดัชนีพอดี


นับแต่วันนี้ไปดัชนี SET คงจะต้องหยุดทำการยาวไปจนถึงปลายสัปดาห์หน้าเลยทีเดียวเพราะวันหยุดยาวเกิดขึ้นในช่วงขาลงของดัชนีพอดี แต่หลังจากวันหยุดยาวผ่านไปแล้วน่าจะได้จังหวะเป็นขาขึ้นยาวตามจังหวะของตลาดประจำปี และผลพวงของการประกาศงบ  ไตรมาสแรกของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยที่จะประกาศงบการเงินพอดี ซึ่งเชื่อแน่ว่าน่าจะมีกำไรสุทธิที่ฟื้นตัวขึ้นมาจากมาตรการช่วยเหลือของทางการไทยหลายประการ ทั้งจากกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติ

ข่าวดีจากการประกาศงบการเงินของหุ้นกลุ่มธนาคารน่าจะส่งผลให้ดัชนีหุ้นเป็นบวกขึ้นมาได้ เป็นการแก้ตัวจากครึ่งแรกของเดือนเมย. ซึ่งย่ำแย่ที่สุดของปีนี้เลยเพราะข่าวสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่กำลังเข้มข้นขึ้น

ข่าวดีจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ ส่วนใหญ่ราคาต่ำกว่าบุ๊กแวลูจะชนะข่าวร้ายจากสงครามการค้าระหว่างประเทศได้มากหรือน้อยเป็นเรื่องที่น่าจับตาต่อไปว่าจะเกิดผลเสียกับหุ้นบลูชิพมากหรือน้อย

อย่างน้อยหุ้นกลุ่มธนาคารที่มีราคาต่ำกว่าบุ๊กแวลูกันเป็นส่วนใหญ่น่าจะช่วยชะลอขาลงของดัชนี set ได้บ้างหลังจากที่ดัชนีหุ้นไทยร่วงกราวเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ในรอบนี้ หลายสถาบันด้านเศรษฐกิจต่างประเมินว่าจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย (GDP) อย่างเลี่ยงไม่พ้น

หากมองในมุมของปรัชญาแห่งกาลเวลาจะกล่าวได้ว่า พลวัตของราคาหุ้นขึ้นตรงต่อผลประกอบการของแต่ละบริษัทและราคาหุ้นบนกระดาน จะต้องสอดรับกับบุ๊กแวลู เมื่อใดที่ราคาบนกระดานต่ำกว่าบุ๊กแวลูจะถือว่าเป็นราคาที่ผิดปกติและไม่สมเหตุผล และราคาบนกระดานจะต้องวิ่งกลับมาอยู่เหนือบุ๊กแวลูให้ได้  ดังนั้นราคาหุ้นกลุ่มธนาคารจึงควรวิ่งกลับขึ้นไปเหนือบุ๊กแวลู จึงจะสมเหตุสมผล การที่หุ้นใหญ่ของกลุ่มธนาคารอย่าง SCB, KBANK, BBL และ BAY มีราคาต่ำกว่าบุ๊กแวลูค่อนข้างมากจึงเป็นราคาที่ไม่สมเหตุสมผล และต้องวิ่งกลับไปที่เหนือบุ๊กแวลู

เพียงแต่การที่ตลาดหุ้นมีความเปราะบางทำให้ธนาคารเป็นเหยื่อของสถานการณ์อย่างช่วยไม่ได้

ถ้าหากว่านักลงทุนรายใหญ่ยอมทุ่มเงินเพื่อดันราคาหุ้นกลุ่มธนาคารก็ถือเป็นเรื่องไม่น่าแปลก และน่าจะส่งผลดีต่อตลาดในระยะยาว

วิษณุ โชลิตกุล

Back to top button