THANI คุณภาพสินทรัพย์ฟื้นตัว

THANI พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ ณ สิ้นไตรมาส 4/2567 1.รถบรรทุกใหม่ 48.99% 2.รถบรรทุกมือสอง 20.01% 3.รถยนต์หรู (Super car, Hi-end car) 24%


คุณค่าบริษัท

บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ ณ สิ้นไตรมาส 4/2567 1.รถบรรทุกใหม่ 48.99% 2.รถบรรทุกมือสอง 20.01% 3.รถยนต์หรู (Super car, Hi-end car) 24% 4.รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ 2% 5.รถแท็กซี่ 1% 6.รถอื่น ๆ (รถยนต์, รถ pick-up, รถบัส, รถแทรกเตอร์) 4% โครงสร้างรายได้ ณ สิ้นไตรมาส 4/2567 1.รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้อ 77.67% 2.รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 9.08% 3.รายได้อื่น ๆ 11.42% 4.รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเงินให้กู้ 1.83%

THANI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567 มีกำไรสุทธิ 122.7 ล้านบาท ลดลง 23.89% จากไตรมาส 4/2566 แต่เพิ่มขึ้น 53.78% จากไตรมาส 3/2567 ที่มีกำไรสุทธิ 79.79 ล้านบาท กำไรไตรมาส 4/2567 สูงกว่าประมาณการของบล.กสิกรไทย 26% โดยมาจากการตั้งสำรองค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) ที่ต่ำกว่าคาด 33% แต่ถูกชดเชยบางส่วนด้วยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่สูงกว่าคาด 47% ซึ่งน่าจะมาจากต้นทุนการติดตามหนี้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ NPL ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

NPL ratio ของ THANI ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 0.50% จากไตรมาส 3/2567 มาอยู่ที่ 3.31% ขณะที่สินเชื่อ Stage 2 ทรงตัวเมื่อเทียบไตรมาส 3/2567 ที่ 14.3% ของสินเชื่อรวม นอกจากนี้การก่อตัวของ NPL ตามการคำนวณของบล.กสิกรไทย ในไตรมาส 4/2567 อยู่ในระดับลดลง 38 ล้านบาท โดยเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คุณภาพสินทรัพย์ของ THANI ดีขึ้นอย่างมากมาจากประสิทธิภาพของทีมติดตามหนี อย่างไรก็ตามมูลค่าทางบัญชี (BV) ของทรัพย์สินรอการขายยังคงเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบไตรมาส 3/2567 มาอยู่ที่ 762 ล้านบาท

THANI กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (opex) ที่เพิ่มขึ้นในปี 2567 มีสาเหตุจากผลขาดทุนจากด้อยค่าสินทรัพย์รอการขายจากราคารถบรรทุกมือสองที่ลดลง นอกจากนี้ ECL ที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุจากการตัดสินใจของผู้บริหารในการบริหารหนี้เสีย (management overlay) ซึ่งส่งผลให้อัตราเงินสำรองต่อหนี้สูญ (NPL coverage) เพิ่มขึ้นเป็น 111% ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 98% ในปี 2566 ดังนั้น THANI จึงคาดว่า opex และ ECL จะลดลงในปี 2568 เนื่องจากเชื่อว่าตั้งสำรองมากพอสำหรับการรองรับราคาสินทรัพย์รอการขายและ management overlay แล้ว

THANI ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ในปี 2568 เทียบกับ 1.68 หมื่นล้านบาท ในปี 2567 และคาดว่ายอดสินเชื่อคงค้างจะอยู่ที่ 4.5-4.6 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2568 เทียบกับ 4.6 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 บริษัทจะหันมาเน้นปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองแทนรถบรรทุกใหม่ เนื่องจากมองว่าความต้องการรถบรรทุกมือสองเริ่มฟื้นตัว ทั้งนี้ยอดขายรถบรรทุกใหม่ลดลง 23% ในเดือน ม.ค. เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.ปี 2567 และลดลง 36% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. ปี 2566 บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2568 ของ THANI ลดลงจาก 0% มาอยู่ที่ -2%

ข้อมูลจาก LSEG Consensus สำหรับ THANI ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2568 ที่ 2,933 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 917.72 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 1.66 บาท จาก 5 โบรกเกอร์

บล.กรุงศรี ระบุว่า มีมุมมอง Positive เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ปี 2568 มีแนวโน้มลดลงจากปี 2567 จาก 1.THANI ตั้งด้อยค่ารถยึดล่วงหน้าในปี 2567 ไปแล้วประมาณ 60 ล้านบาท 2.การขายขาดทุนรถยึดลดลงเหลือ -25% ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2568 เทียบกับปี 2567 ที่ -30% และปรับกำไรสุทธิ 2568-2569 ขึ้นปีละ 10% มาที่ 985 ล้านบาท และ 1,061 ล้านบาท ตามลำดับ จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่น้อยกว่าคาด

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น THANI ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 8 เม.ย. 2568 ที่ 1.53 บาท) เทรดที่ P/E 11.91 เท่า ต่ำกว่า P/E กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 16.24 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น THANI อยู่ที่ 0.71 เท่า ต่ำกว่า P/BV กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 1.13 เท่า

Back to top button