พาราสาวะถี

กลับเข้าสู่โหมดทำงานหลังช่วงวันหยุดยาว โจทย์ใหญ่สำหรับ แพทองธาร ชินวัตร ปม โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีที่ประเทศไทยโดนไป 36% ยังมีเวลาหายใจหายคอจากการเลื่อนการจัดเก็บไปอีก 90 วัน ดังนั้น ประเด็นที่ถูกจับตามองมากที่สุดจึงหนีไม่พ้นร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งกลายเป็นเรื่องร้อนขึ้นมาจากการที่ ไชยชนก ชิดชอบ ไปประกาศกลางสภากับความเป็นลูกของ เนวิน ชิดชอบ ไม่มีทางเห็นด้วยกับกาสิโนเด็ดขาด

ทำให้ อนุทิน ชาญวีรกูล ที่สวมหัวโขนความเป็นหัวหน้าพรรค ต้องรีบแก้ข่าวพร้อมทำความเข้าใจกับแพทองธารทันที การแสดงความเห็นของลูกชายเนวินแม้จะมีความเป็นเลขาธิการพรรค แต่เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับมติพรรค เมื่อถึงเวลาที่จะต้องยกมือในสภาต้องยึดมติพรรคเป็นด้านหลัก ทำท่าว่าจะไม่มีอะไรต้องติดใจ ทว่าถูกกระพือให้เป็นเรื่องอีกกับกรณี ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่ 2 จากค่ายสีน้ำเงินดันไปพูดให้เป็นประเด็นในการประชุมสภาฯ วันสุดท้าย 10 เมษายนที่ผ่านมา

ในการหารือการยื่นกระทู้ของสมัยประชุมหน้า ภราดรโปรยทิ้งท้ายว่า ครั้งหน้าไม่รู้จะมีอีกสมัยประชุมหรือเปล่า หรือสมัยนี้สุดท้ายแล้วหรือยังก็ไม่รู้ ขอให้ยังไม่สุดท้ายก็แล้วกัน เรียกได้ว่าภายในระยะเวลาสองวัน เสี่ยหนูต้องมีเรื่องร้อนให้ตามล้างตามเช็ดกันจ้าละหวั่น ซึ่งประเด็นของภราดรนั้น อนุทินยืนยันอีกครั้งเมื่อวันที่ 12 เมษายนระหว่างเดินทางลงพื้นที่จังหวัดอ่างทอง​ พร้อมพบปะกับบ้านใหญ่ปริศนานันทกุล อ้างคำพูดของภราดรเป็นการเตือนสติ ไม่ให้ซีเรียสอะไรมาก​ ขอให้รักกันเอาไว้ พร้อมย้ำการประชุมสภาสมัยหน้ายังมีอยู่

หากติดตามท่าทีของคนพรรคสีน้ำเงินในซีกที่ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ เห็นกันชัดมาโดยตลอดจะเล่นบทจระเข้ขวางคลองในหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันของเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล จนถูกวิจารณ์และมองกันว่า น่าจะเป็นการกระตุกเพื่อให้เห็นความสำคัญและอำนาจต่อรองที่มีอยู่ในมือ อย่างไรก็ตาม ประสาคนมีแผลเหมือนกันทุกอย่างจึงต้องใช้การถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่ว่าจะอย่างไรโอกาสที่รัฐบาลจะอยู่กันไม่ครบเทอมเป็นไปได้ยาก

เรื่องนี้ ทักษิณ ชินวัตร ช่วยตอกย้ำอีกแรง วันนี้กับพรรคภูมิใจไทยยังอยู่ในภาวะไม่มีปัญหา ยังพูดคุยกันได้อยู่ พร้อมชี้ด้วยว่าพรรคสีน้ำเงินก็รู้ดีว่าไม่มีปัญหาอะไร อาจจะมีไม่เข้าใจกันบ้าง ส่วนการเล่นบทตัวขวางในรัฐบาลนั้นนายใหญ่บอกว่า ไม่เป็นไร เราเข้าใจ เราสามารถบริหารความขัดแย้งได้ พอเข้าใจได้ว่าความที่เป็นคนรุ่นใหม่ นายกฯ เจนวาย แพทองธารอาจจะต้องการอะไรตรงไปตรงมา ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ แต่สำหรับการเมืองแล้วทำแบบนั้นไม่ได้

นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้ทักษิณบอกต่อว่า “ต้องให้คนแก่อย่างตนคอยคุยด้วย” ฝ่ายตรงข้ามพอได้ยินแบบนี้ย่อมหูผึ่งทันที นี่เข้าข่ายแทรกแซง ครอบงำหรือไม่ แต่ถ้าไม่ดัดจริตกันเกินเหตุ ยืนอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงต้องเข้าใจตั้งแต่เกิดรัฐบาลพลิกขั้ว ไม่มีอะไรได้มาโดยปราศจากการแลกเปลี่ยน เพียงแต่ว่าดีลที่ถูกเรียกขานไปต่าง ๆ นานานั้น มันมีโจทย์ซ้อนโจทย์อยู่หลายประการ เรื่องการบริหารบ้านเมืองปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ว่ากันไป แต่การจัดการการเมืองต้องใช้บริการพวกเขี้ยวลากดินเท่านั้น

ปัญหาเรื่องกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หากจับอาการจากทักษิณ ผ่านการสั่งการของแพทองธารในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย จะเห็นได้ว่าไม่ได้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องผลักดันให้จบโดยเร็วอีกแล้ว การถูกปั่นกระแสด้วยการหยิบเอากาสิโนมาเป็นเรื่องหลักเพื่อหวังผลของกลุ่มต่อต้าน อันถือว่าเป็นการบิดเบือนถ้ายึดตามเนื้อหาของกฎหมายที่เขียนกันมา นั่นจึงต้องอาศัยเวลาในการที่จะทำความเข้าใจผ่านกระบวนการต่าง ๆ ซึ่งคงไม่ไปถึงการทำประชามติตามที่มีข้อเรียกร้องแต่อย่างใด

เห็นกันอยู่ว่าเมื่อถึงจังหวะจะต้องถอย เหตุผลที่นายกฯ หญิงหยิบขึ้นมาอธิบายก็คือ ยังมีปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องเร่งแก้ไข ทั้งผลกระทบที่เกิดจากแผ่นดินไหว และการถูกตั้งกำแพงภาษีมหาโหดจากสหรัฐฯ เมื่อปัญหาเยอะทั้งการเมืองและบ้านเมือง จึงจำเป็นที่จะต้องพักวางปัญหาการเมืองเอาไว้ก่อน แล้วใช้กลไกทางการเมืองแก้ไข ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ทุกอย่างมีปัจจัยที่สามารถต่อรองกันได้ทั้งหมด การเดินหน้าแก้ปัญหาบ้านเมืองโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่ประชาชนอยากให้แพทองธารและรัฐบาลทำมากกว่า

ปมการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ทักษิณได้บอกแล้วว่า มีการพูดคุยกับคนรอบตัวของทรัมป์ไปบ้างแล้ว ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทีมเจรจาที่นายกฯ ตั้งขึ้นได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ก่อน ส่วนตนหากมีจังหวะหรือจำเป็นก็จะเดินทางไปพบผู้นำสหรัฐฯ นี่ย่อมแสดงให้เห็นถึงบทบาทความเป็นอดีตผู้นำประเทศที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับอดีตผู้นำและผู้นำในปัจจุบันของหลายประเทศ รวมไปถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น บทบาทความเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนก็จะถูกนำมาใช้ด้วยเช่นกัน

โดย 17 เมษายนนี้ อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนจะเดินทางมาประเทศไทย เป็นการมาแบบเยี่ยมชมการทำงาน หรือ Working visit กับรัฐบาลและแพทองธาร พร้อมทั้งมีการชวนที่ปรึกษาประธานอาเซียนจากประเทศต่าง ๆ หลายคนเข้ามาพูดคุยเรื่องปัญหาภายในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฐานกำลังผลิตภายในอาเซียน การผนึกกำลังของอาเซียนเพื่อให้มีบทบาทสำคัญในการพูดคุยกับสหรัฐฯ มากขึ้น รวมถึงเรื่องของสันติภาพในเมียนมา แน่นอนว่า แนวทางเช่นนี้ย่อมหวังว่าผลดีจะตกกับประเทศไทย

คู่ขนานกับเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านไป การกู้ซากตึก สตง.ถล่มที่มี กทม.เป็นแกนหลัก ยังคงทำงานกันแข็งขันต่อไป ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ยืนยันแล้วว่า ภายในสิ้นเดือนนี้น่าจะสามารถนำร่างผู้ประสบภัยทั้งหมดออกจากที่เกิดเหตุได้ และทำการกู้ซากตึกเสร็จสิ้น เพราะจนถึงขณะนี้สามารถลดความสูงของซากจากเดิมที่ 26 เมตร เหลือไม่ถึง 20 เมตรแล้ว ส่วนการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การหาผู้รับผิดชอบคงไม่น่าจะมีอะไรเป็นปัญหา เมื่อทุกอย่างสามารถพิสูจน์กันด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

อรชุน