ขาทุบหุ้นตัวจริง

ขาทุบหุ้นแบงก์ตัวจริงเสียงจริงออกแรงเชียร์กันจริงจังตั้งแต่วันแรกที่ราคาหุ้นกลับมาเทรดหลังวันหยุดยาว


ขาทุบหุ้นแบงก์ตัวจริงเสียงจริงออกแรงเชียร์กันจริงจังตั้งแต่วันแรกที่ราคาหุ้นกลับมาเทรดหลังวันหยุดยาวทั้งที่บอกไว้ชัดเจนว่าจะมีกำไรเติบโตในไตรมาสแรกมากถึง 4%

นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ KSS (Krungsri Securities) คาดการณ์กำไรสุทธิของ BBL ในไตรมาสแรกของปีนี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.09 หมื่นล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) ตลอดถึงการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ตามปัจจัยฤดูกาล และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL)  อย่างไรก็ตาม KSS ยังคงคำแนะนำ ให้นักลงทุนวางตัวเป็นกลาง “NEUTRAL” สำหรับ BBL โดยให้ราคาเป้าหมาย (TP25F) ที่ 160 บาท

KSS คาดว่ากำไรสุทธิทางด้านการเงินไตรมาสแรกของปีนี้ ของ BBL จะเติบโตจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ที่เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการลงทุน (FVTPL) ที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ที่ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธนาคารได้ตั้งสำรองเผื่อความไม่แน่นอนไว้มากแล้ว และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ที่ลดลง 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล

ด้านสินเชื่อรวมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน  ขณะที่ NPL Ratio คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.00% จาก 2.70% ในไตรมาสที่สี่ของปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากการแปลงหนี้เป็นทุนของการบินไทย และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ที่ลดลง

แม้ KSS จะคาดการณ์กำไรทางการเงินในไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้ที่เติบโต แต่คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาสที่สองของปีนี้จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก NIM ที่ลดลงเนื่องจากอัตราผลตอบแทนของสินเชื่อลดลง และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ตามปัจจัยฤดูกาล

KSS ให้เหตุผลที่ยังคงคำแนะนำ “NEUTRAL” เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (dividend yield) คาดการณ์ที่ 5.6% ซึ่งถือว่าต่ำสุดในกลุ่มธนาคาร และคาดการณ์การเติบโตของกำไรสุทธิปีนี้จะเพิ่มขึ้นเพียง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สรุป KSS ยังคงคำแนะนำ “NEUTRAL” สำหรับ BBL โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 160 บาท อิงจาก PBV ที่ 0.5 เท่า แม้คาดการณ์กำไรในไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้จะเติบโต แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ต่ำ และการเติบโตของกำไรที่น้อยกว่ากลุ่ม โดย KSS ใช้ประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 45,696 ล้านบาท ในการคำนวณราคาเป้าหมาย

ผลการประเมินดังกล่าวเป็นที่รู้กันดีว่าได้ซ่อนประเด็นสำคัญเอาไว้ก็คือถ้าหากว่าผู้บริหารบีบีแอลสามารถทำกำไรสุทธิได้ดีกว่าที่คาดก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับบีบีแอลเพราะว่าผู้บริหารทำได้ดีกว่าที่คาดจึงส่งผลให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปแรงกว่าปกติ

การที่นักวิเคราะห์ตั้งเป้าหมายราคาในเชิงลบสะท้อนให้เห็นเล่ห์กลของนักวิเคราะห์ในการเล่นเกมตัวเลขกำไรสุทธิของธนาคารอย่าง BBL ที่เป็นธนาคารอันใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศไทยซึ่งราคาหุ้นยังต่ำมากอยู่ที่ 137.50 บาท ถูกกว่า Book value ซึ่งอยู่ที่ 230 บาท

การอ่านเกมของนักวิเคราะห์ขาทุบเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องใช้วิจารณญาณว่าจะเชื่อหรือไม่  เพราะนักวิเคราะห์มักจะซ่อนราคาเป้าหมายที่แท้จริงไว้เพื่อเฉลยตอนงบจริงออกมา

วิษณุ โชลิตกุล

Back to top button