SABUY ล่าหาความผิด.!

หลังจากหุ้น SABUY มีอาการไม่สบายมาตั้งแต่ต้นปี 2567 จนต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู โดยมีกลุ่มทุนใหม่พยายามเข้ามาปั๊มหัวใจ


หลังจากหุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY มีอาการไม่สบายมาตั้งแต่ต้นปี 2567 จนต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู โดยมีกลุ่มทุนใหม่พยายามเข้ามาปั๊มหัวใจ ก็พอฟื้นขึ้นมาได้บ้าง อย่างปัญหาด้านการเงิน มีการเจรจาขอยืดหนี้ทั้งหนี้สถาบันการเงินและหนี้หุ้นกู้ไปแล้ว ก็ช่วยแก้ปัญหาชีวิตไปได้เปราะหนึ่ง…

ในแง่ธุรกิจ มีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ มีการขายโน่นนี่นั่น ตัดเนื้อร้ายออกไป แม้ตอนนี้ยังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็เถอะ ซึ่งคงต้องรอดูอาการไปสักระยะว่าจะหมู่หรือจ่า…

ในระหว่างนี้สิ่งที่ผู้บริหารชุดใหม่ต้องทำควบคู่กันไป ก็ต้องไล่ล่าหาต้นขั้วที่ทำให้ SABUY มีอาการไม่สบายอย่างที่เห็น เลยเป็นที่มาของการดำเนินคดีทางกฎหมาย 2 คดีด้วยกัน…คดีแรก เป็นการยื่นฟ้องบริษัทแห่งหนึ่งต่อศาลแพ่ง เพื่อเรียกร้องให้ชำระหนี้ตามสัญญา โดยมีทุนทรัพย์ตามฟ้องประมาณ 900 ล้านบาท

สารตั้งต้นของคดีนี้มาจากในช่วงระหว่างเดือน เม.ย.-พ.ย. 2566 SABUY ได้ให้สินเชื่อแก่บริษัทดังกล่าว ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับการชำระหนี้คืนตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้

บริษัทดังกล่าวเป็นใคร…ไม่มีการเปิดเผย แต่เท่าที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ พบว่าบริษัทที่มีการกู้ยืมเงินจาก SABUY ก็คือบริษัท ทีเอสอาร์ ลิฟวิ่ง โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TSR ที่มียอดเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวนเงิน 873 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างจ่ายอีก 73 ล้านบาท รวมจำนวน 946 ล้านบาท

แหม๊…ช่างบังเอิ๊ญบังเอิญที่ยอดหนี้ใกล้เคียงกัน…แต่จะใช่ TSR หรือเปล่า..?? อันนี้ไม่รู้จริงจริ๊ง

ส่วนอีกคดีเป็นการยื่นฟ้องผู้บริหารบางรายต่อศาลที่มีอำนาจในการพิจารณาในประเด็นที่บริษัทฯ เห็นว่าอาจมีการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องกับระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ โดยมีทุนทรัพย์รวมตามฟ้องประมาณ 1,700 ล้านบาท

แม้บริษัทฯ ไม่ได้บอกว่าอดีตผู้บริหารคนนั้นคือใคร แต่หลายคนคงอดนึกถึง “ชูเกียรติ รุจนพรพจี” ไม่ได้ ซึ่งจะใช่หรือไม่..?? มิอาจทราบได้

รู้แค่ว่าก่อนที่ SABUY จะไม่สบาย และกลายเป็นผู้ป่วยเรื้อรังนั้น มี “ชูเกียรติ” เป็นคนเดินเกมในฐานะซีอีโอ…จำกันได้บ่..??

ส่วนจะเอาผิดใครได้หรือไม่..?? คงต้องต่อสู้กันต่อไป

แต่ช็อตที่น่าจับตา เงินสองก้อนที่รวมเกือบ 2,600 ล้านบาท จะได้คืนหรือเปล่า..?? นี่แหละประเด็นสำคัญ เพราะหากได้คืนมา ก็อาจชดเชยความเสียหายได้บ้างบางส่วน…

งั้นก็ขึ้นอยู่ที่ฝีมือฝ่ายกฎหมายของ SABUY แล้วล่ะ..??

ว่าแต่คดีเก่า (กรณีทรัพย์สินและสินค้าคงเหลือสูญหายรวม 215 ล้านบาท) ก็ยังไม่คืบ ดันมีคดีใหม่งอกขึ้นมาให้ปวดกบาลอีกแล้วครับท่านนน…

ต้องบอกว่าความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก SABUY ไม่หยุดหย่อนจริง ๆ…

แต่ก็เป็นหน้าที่ของทีมผู้บริหารชุดใหม่แหละ…ที่ต้องมาตามล้างตามเช็ดสะสางเรื่องต่าง ๆ ให้เคลียร์คัต เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับคืนมาให้จงได้

ไม่งั้นหุ้น SABUY ก็จะเป็นได้แค่ตำนานหุ้นตัวตึงที่ราคาพุ่งไปแตะ 35 บาท ขณะที่ปัจจุบันกลายเป็นซากปรักหักพังในตลาดหุ้น…จากราคาที่ซื้อขายกันแค่เศษสตางค์เท่านั้น

มันน่าเศร้าใจจริง ๆ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button