
ได้เวลาซื้อคืนหุ้นแบงก์
ข่าวดีจาก ก.ล.ต.-ตลท. ที่จะปรับลดเงื่อนไขของบริษัทจดทะเบียนในการที่จะซื้อหุ้นคืน ส่งผลให้ราคาหุ้นแบงก์ที่ราคาต่ำกว่าบุ๊กแวลูยามนี้พยายามขยับตัว
ข่าวดีจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่จะปรับลดเงื่อนไขของบริษัทจดทะเบียนในการที่จะซื้อหุ้นคืนจากตลาด ส่งผลให้ราคาหุ้นแบงก์ที่ราคาต่ำกว่าบุ๊กแวลูในยามนี้พยายามขยับตัว เพราะนักวิเคราะห์มองว่า กลุ่มธนาคารพาณิชย์จะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้อย่างมาก
การบอกเลิกเงื่อนไขซื้อคืนหุ้นของ “บจ.” ถือเป็นข่าวดีอย่างมากเพราะว่ามาตรการเดิมเช่น การซื้อคืนได้ไม่เกิน 10% แล้วตามมาด้วยมาตรการอื่น ๆ เช่น ซื้อคืนแบบครั้งเดียวจบและมาตรการให้ขายคืนตลาดภายใน 6 เดือน ล้วนถือเป็นมาตรการคร่ำครึไม่เหมาะสมกับตลาดขณะนี้อย่างยิ่ง
ข่าวดีดังกล่าวยังไม่ได้ออกมาจริงแต่ก็ช่วยให้อุปสรรคที่เคยขวางขาขึ้นของหุ้นอย่างมาก ในช่วงที่ผ่านมาให้ลดน้อยลงไป กลุ่มแบงก์เป็นหุ้นกลุ่มที่ถือว่ามี กำไรสุทธิต่อเนื่อง เพราะว่าสามารถพ่วงเอากลยุทธ์เสริมเช่นการซื้อหุ้นคืนเพื่อเอาหุ้นที่ซื้อได้ไปลดทุน ซึ่งจะทำให้อัตราเงินปันผลสูงขึ้นเป็นผลดีต่อตลาดมากสุดเพราะทำให้จำนวนหุ้นในตลาดลงไปโดยที่ไม่เสียหายอะไรเลย
การลดจำนวนหุ้นลงเป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ถือว่าชาญฉลาดมาก ซึ่งกลุ่มบริษัทที่ทำได้ก็มีแต่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีจำนวนหุ้นมากมายในตลาดอยู่แล้ว เมื่อจำนวนหุ้นลดลงจึงไม่ส่งผลเสียต่อตลาด และเนื่องจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีเงินสดล้นเกินและสามารถพลิกสถานการณ์ที่จะทำให้ราคาหุ้นเป็นขาขึ้น และบริษัทที่มีเงินสดมากมายในตลาดโดดเด่นกว่าหุ้นกลุ่มอื่น ๆ
การที่หุ้นใหญ่ของกลุ่มธนาคารอย่าง SCB, KBANK, BBL และ BAY มีราคาต่ำกว่าบุ๊กแวลูค่อนข้างมากจึงเป็นราคาที่ไม่สมเหตุสมผล และต้องวิ่งกลับไปที่เหนือบุ๊กแวลู
เพียงแต่การที่ตลาดหุ้นมีความเปราะบางเนื่องจากกติกาบางอย่างคร่ำครึเกินไป ก็เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขให้ถูกต้องตามที่ควรจะเป็นก็เป็นสิ่งที่สมควรสนับสนุนกันอย่างจริงจังอยู่แล้ว ไม่ต้องรอให้นักการเมืองยื่นมือเข้ามาใช้นโยบายพิลึกพิลั่นจนคนพากันสงสัยในมาตรการของตลาดหลักทรัพย์ฯ
ครั้งนี้ต้องเชียร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. ให้เดินหน้าแก้ไขอย่างเต็มที่
วิษณุ โชลิตกุล