
TLI กำไรจากรับประกันภัยดีขึ้น
TLI โครงสร้างรายได้ตามประเภทธุรกิจ ณ สิ้นไตรมาส 4/2567 1.เบี้ยประกัน-Agent 58.9% 2.เบี้ยประกัน-Non-agent 20.23%
คุณค่าบริษัท
บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI โครงสร้างรายได้ตามประเภทธุรกิจ ณ สิ้นไตรมาส 4/2567 1.เบี้ยประกัน-Agent 58.9% 2.เบี้ยประกัน-Non-agent 20.23% 3.รายได้จากการลงทุนและอื่น ๆ 20.87% สัดส่วนพอร์ตลงทุน ณ สิ้นไตรมาส 4/2567 1.ตราสารหนี้ 80.3% 1.1 พันธบัตรรัฐบาล 42.72% 1.2 หุ้นกู้เอกชน 28.75% 1.3 พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 8.75% 2.ตราสารทุนและหน่วยลงทุน 12.5% 2.1 ตราสารทุนและหน่วยลงทุนหุ้นในประเทศ 4.84% 2.2 หน่วยลงทุนหุ้นต่างประเทศ 7.66% 3.เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับ 5.3% 4.เงินสด 1.9%
TLI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567 มีกำไรสุทธิ 3,282.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.96% จากไตรมาส 4/2566 และขยายตัว 31.44% จากไตรมาส 3/2567 ที่มีกำไรสุทธิ 2,497.59 ล้านบาท โดยมีแรงหนุนหลักมาจาก 1.รายได้สุทธิจากเงินลงทุนโต 68.7% จากไตรมาส 4/2566 หลังบริษัทมีกำไรจากการขายเงินลงทุนในหน่วยลงทุนต่างประเทศ เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องมือในการลงทุนบางส่วนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ TFRS17 เพราะภายใต้ TFRS17 การลงทุนในหน่วยลงทุนจะต้องมีการบันทึกมูลค่ายุติธรรมผ่านงบกำไรขาดทุน (FVTPL) บริษัทจึงอาจต้องเปลี่ยนมาลงทุนโดยตรงในหุ้นต่างประเทศเพื่อยังคงให้เงินลงทุนดังกล่าวสามารถบันทึกมูลค่ายุติธรรมผ่านงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จได้ตามเดิม (FVTOCI) 2.อัตรากำไรจากการรับประกันภัย (Underwriting Margin) ที่มีทิศทางดีขึ้น จาก -6.4% ในไตรมาส 4/2566 มาเป็น -2.2% หลังบริษัทปรับกลยุทธ์เพื่อลดสัดส่วนกรมธรรม์ที่มีอัตราการเคลมสูง ทำให้ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ลดลง 16.9% จากไตรมาส 4/2566 และ 3.เบี้ยประกันรับสุทธิโต 2.3% จากไตรมาส 4/2566 จากการขายกรมธรรม์แบบจ่ายเบี้ยครั้งเดียวที่เพิ่มขึ้นมาก
TLI รายงานเบี้ยประกันภัยรายรับปีแรกแบบคำนวนรายปี (APE) ไตรมาส 4/2567 ที่ 3.8 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาส 3/2567 และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาส 4/2566) สูงกว่าคาดการณ์ 7% อย่างไรก็ตามมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาส 3/2567 แต่ลดลง 8% จากไตรมาส 4/2566) ต่ำกว่าคาดการณ์ 7% การที่ VONB ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2567 เนื่องจากการแข่งขันในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบตลอดชีพแบบออมทรัพย์และมีส่วนร่วม ส่งผลให้อัตรากำไรของ VONB ในผลิตภัณฑ์ทั้งสองลดลง
บล.กสิกรไทย คาดว่าแนวโน้มกำไรของ TLI ปี 2568 จะดีขึ้นจากการบังคับใช้มาตรฐานบัญชี TFRS17 จะช่วยเพิ่มและทำให้กำไรของ TLI มีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังคาดว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมจะลดลง
ข้อมูลจาก LSEG Consensus สำหรับ TLI ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2568 ที่ 109,444.61 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 11,028.09 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 14.08 บาท จาก 6 โบรกเกอร์
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568/2569 ขึ้น 8.6%/9% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนแนวโน้มกำไรจากการรับประกันภัยที่แข็งแรงขึ้น อีกทั้งปีนี้จะเห็นผลบวกจากการเริ่มปรับใช้เงื่อนไข Copayment หรือค่าใช้จ่ายร่วม กับลูกค้าในทุกกรมธรรม์ ทำให้คาด TLI จะคุมค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดว่า TLI จะมีกำไรสุทธิปี 2568 ภายหลังปรับใช้ TFRS17 คาดกำไรสุทธิของ TLI จะเพิ่มขึ้น 8.9% มาเป็น 12,452 ล้านบาท
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น TLI ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 11 เม.ย. 2568 ที่ 11.10 บาท) เทรดกันที่ P/E 10.88 เท่า สูงกว่า P/E กลุ่มประกันภัยและประกันชีวิตที่ 10.48 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น TLI อยู่ที่ 1.13 เท่า สูงกว่า P/BV กลุ่มประกันภัยและประกันชีวิตที่ 0.94 เท่า