CHAO-TKN ห่วงโซ่มาร์เก็ตติ้ง

ช่วงปี 2565 ที่โควิดเริ่มเจือจาง ตอนนั้นมีหนึ่งปรากฏการณ์เกิดขึ้น เมื่อหุ้นโรงหนังกินสาหร่าย หรือกรณี MAJOR เข้าซื้อหุ้น TKN


ช่วงปี 2565 ที่โควิดเริ่มเจือจาง ตอนนั้นมีหนึ่งปรากฏการณ์เกิดขึ้น เมื่อหุ้นโรงหนังกินสาหร่าย หรือกรณีบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เข้าซื้อหุ้นบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN สัดส่วน 5% และต่อมาก็ซื้อเพิ่ม จนปัจจุบันกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 3 ด้วยสัดส่วน 10%

การเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ หรือสตราทีจิกพาร์ตเนอร์ระหว่าง MAJOR กับ TKN ก็ได้เห็นภาพการทำตลาดร่วมกัน รวมถึงมีการพัฒนาสินค้าร่วมกัน อาทิ การออกรสชาติใหม่ สาหร่ายทอดรสป๊อบคอร์นชีส สาหร่ายทอดรสป๊อบคอร์นข้าวโพด เป็นต้น

จากวันนั้นถึงวันนี้ ในมุมของ TKN คงเห็นแล้วว่ากลยุทธ์การแสวงหาเพื่อน (มีสตราทีจิกพาร์ตเนอร์) เป็นเรื่องที่ดี เป็นการช่วยหนุนการเติบโตของกันและกัน…เลยเป็นที่มาของการเข้าไปถือหุ้นบริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO สัดส่วน 4.7626% ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3

ถ้าดูจากแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ (แบบ 246-2) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะพบว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2568 TKN ได้ทำธุรกรรมซื้อหุ้น CHAO เพิ่มจำนวน 177,000 หุ้น คิดเป็น 0.0590% โดยทำรายการผ่านบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จํากัด (มหาชน)

ส่งผลให้ TKN ถือหุ้นเพิ่มเป็น 14.29 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.7626% จากเดิมถือหุ้นอยู่แล้วจำนวน 14.11 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.7036%

นั่นแปลว่า TKN ดอดเก็บ CHAO มาสักพักแล้วนะเนี่ย…เพียงแต่เราไม่รู้

และเมื่อรวมกับการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ TKN อย่าง “ต๊อบ-อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์” ซึ่งถือหุ้น CHAO อยู่ด้วยจำนวน 751.500 หุ้น คิดเป็น 0.2505% จะทำให้กลุ่ม TKN ถือหุ้น CHAO รวมกันเป็น 15.04 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.0131% ซึ่งก็เพียงพอที่จะได้เห็นการเป็นสตราทีจิกพาร์ตเนอร์ และมีการ Synergy ธุรกิจร่วมกันแล้วล่ะ…

เพราะเชื่อว่า TKN คงไม่มาถือหุ้น CHAO เพียงเพื่อรับเงินปันผลอย่างเดียวหรอกมั้ง…ใช่ปะคะเสี่ยต๊อบ..??

โอเค…แม้เงินปันผลอาจไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ก็คงเป็นเป้าหมายรองแหละ…พอดูออก เพราะการมาซื้อหุ้น CHAO ครั้งนี้ ช็อตแรกที่ TKN จะได้ก่อนเลย หนีไม่พ้นเงินปันผล ซึ่งในงวดปี 2567 CHAO ประกาศจ่ายในอัตรา 0.17 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 13 พ.ค.นี้ และกำหนดจ่ายเงินในวันที่ 28 พ.ค. 2568

เท่ากับว่า TKN จะได้เงินค่าขนมราว 2.43 ล้านบาท ส่วนเสี่ยต๊อบก็ได้ไป 127,755 บาท

กลับมาที่ประเด็นสตราทีจิกพาร์ตเนอร์ แม้ทั้งคู่จะอยู่ในกลุ่มธุรกิจขนมขบเคี้ยว เน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่เหมือนกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็มีจุดเด่นที่สามารถช่วยเกื้อหนุนกันได้…อย่าง TKN มีเครือข่ายและช่องทางการจัดจำหน่ายเยอะ โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ แต่ข้อเสียตรงที่ความหลากหลายของโปรดักส์มีน้อย ในขณะที่ CHAO จะมีความหลากหลายของโปรดักส์เยอะ แต่ในเรื่องของช่องทางการจัดจำหน่ายยังเป็นรอง TKN

งั้นการจับมือกันครั้งนี้ก็เป็นการเอาจุดแข็งมาเติมเต็มให้เกิดห่วงโซ่มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งหลังจากนี้ก็คงได้เห็นการใช้ช่องทางการขายและการทำการตลาดร่วมกันแหง ๆ…

ในมุม TKN นอกจากตัวเองมีโอกาสเติบโตมากขึ้นจากการ synergy ธุรกิจร่วมกันแล้ว ถ้า CHAO เติบโตดี TKN ก็จะดีตามไปด้วย ในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3…ฟาก CHAO ก็ได้ขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม โดยเฉพาะในประเทศใหม่ ๆ ที่ยังไม่ได้เข้าไปทำตลาดมาก่อน

ดูแล้วก็คงสมประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่…

จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นราคาหุ้นของ CHAO และ TKN วิ่งพรวดพราดขึ้นมา โดยในช่วง 3 วันที่ผ่านมา CHAO ราคาปรับขึ้นไปกว่า 30% ในขณะที่ TKN ราคาปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 10%…

…อิ อิ อิ…

Back to top button