นักท่องเที่ยวจีน ไทยหด-เวียดนามพุ่ง

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ควบคู่กับภาคการส่งออก


ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ควบคู่กับภาคการส่งออก และการบริโภคภายในประเทศ..!!

แต่ดูเหมือนว่าเครื่องยนต์การท่องเที่ยวที่ถูกคาดหวังไว้สูง จะไม่เป็นไปตามที่หวังนะ สะท้อนได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

โดยข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 เม.ย. 2568 มียอดสะสม 11,272,379 คน เพิ่มขึ้นเพียง 0.52% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดอันดับ 1 ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวจีน แต่ยอดสะสมมีเพียง 1,524,697 คน

ที่น่าตกใจ พบว่านักท่องเที่ยวจีนจากในอดีตเคยเดินทางเข้าไทยวันละ 100,000 คน มาตอนนี้ลดฮวบ บางวันเหลือแค่หลักพันคน โดยเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2568 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยทำสถิติต่ำสุดที่จำนวน 5,833 คนต่อวัน จากค่าเฉลี่ย 15,000-20,000 คนต่อวัน

จะว่าเป็นเพราะนักท่องเที่ยวจีนรัดเข็มขัด ไม่ออกไปเที่ยวนอกประเทศ แล้วหันมาเที่ยวกันภายในประเทศแทน…ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยลดลงนั้น กลับไปโป่งที่เวียดนามซะงั้น..??

เห็นได้ชัดในเดือน มี.ค. 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมีเพียง 297,000 คน ลดลงจากเดือน ก.พ. ที่มี 372,000 คน ขณะที่เวียดนามมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จาก 381,000 คน ในเดือน ก.พ. 2568 เป็น 631,000 คน ในเดือน มี.ค. 2568

ถ้าถามว่าประเทศเวียดนามมีดีอะไร…อาจเป็นเพราะเวียดนามได้รับเลือกเป็นคู่ค้าในโครงการ “เขตความร่วมมือการท่องเที่ยวข้ามชาติแห่งแรกของจีน” ซึ่งเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2567 โดยโครงการนี้เปิดทางให้นักท่องเที่ยวจากทั้งสองประเทศสามารถเข้าร่วมทัวร์ข้ามพรมแดนภายใต้ระบบจองแบบกลุ่ม มีเส้นทางและระยะเวลาที่กำหนด รวมถึงการควบคุมการเข้าออกที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

ประกอบกับมีการเปิดเส้นทางการบินตรงระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้น โดยเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา สายการบิน Xiamen Airlines ของจีน ได้เปิดเที่ยวบินไป-กลับระหว่างฝูโจว เมืองเอกของมณฑลฝูเจี้ยน กับฮานอย ส่งผลให้ขณะนี้มีเส้นทางบินตรงระหว่างจีน-เวียดนามรวมแล้ว 60 เส้นทาง

นอกจากนี้ มีรายงานว่าเส้นทางปักกิ่ง-ฮานอย ซึ่งให้บริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยว จะเพิ่มความถี่เป็นเที่ยวบินรายวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.นี้ ขณะเดียวกันเส้นทางใหม่ เซี่ยงไฮ้-ฮานอย จะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 2568 โดยมีเที่ยวบินทุกวันเช่นกัน

ส่วนไทย ถามว่ามีอะไรแย่…ก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพียงแค่เรามีหลาย ๆ ปัจจัยกดดัน ไม่ว่าจะเป็นกรณี “ซิงซิง” ดาราจีนที่ถูกหลอกเข้ามาแคสต์งานในเมืองไทย แต่กลับถูกพาไปกักขังทำงานให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยที่ไม่ปลอดภัยในสายตาชาวจีน

ซ้ำเติมด้วยกรณีการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งในเวลาต่อมามีอย่างน้อยสองประเทศที่ออกประกาศเตือนไปยังพลเมืองของตนเอง ให้ระมัดระวังภัยก่อการร้ายในไทย โดยอ้างอิงเหตุวินาศกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นพุ่งเป้าไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เลยทำให้คนจีนบางส่วนปรับแผนการเดินทางมาเที่ยวไทย

แล้วมาเจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกระทบตึกสูงในกทม.ได้รับความเสียหาย ทำให้เกิดคำถามเรื่องความปลอดภัยของโครงสร้างไทย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ผสมโรงกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่แลกหมัดขึ้นภาษีกันคนละหมัด แต่สะเทือนเศรษฐกิจโลก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางเข้ามาในไทยของนักท่องเที่ยวจีน…

มิน่าล่ะ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว ไล่มาตั้งแต่กลุ่มสนามบินและสายการบิน กลุ่มโรงแรม และกลุ่มค้าปลีก จะขึ้นก็ไม่สุด แต่เวลาลงไม่ยั้ง หลุดแนวต้านตลอด ๆ…

แต่พอไตร่ตรองดูอีกที นักท่องเที่ยวจีนมีปริมาณมากกว่ามูลค่านะ ขณะที่รูปแบบการเที่ยวเป็นการใช้คาปาซิตี้ “จีนทำ จีนใช้ และจีนเที่ยว” อยู่ในระบบนิเวศของกลุ่มทุนจีนด้วยกัน…ทำให้เม็ดเงินแทบไปไม่ถึงมือผู้ประกอบการไทยเลย กลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ซ่อนอยู่

งั้นต้องฝากให้รัฐบาลคิดใหม่ ทำใหม่แล้วล่ะ ต้องมาแสวงหาตลาดนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูงแทน…

อย่าไปหวังพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนที่เป็นตลาดอ่อนไหวจนเกินงามเลยเจ้าค่ะ…เดี๋ยวจะได้ไม่คุ้มเสีย..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button