ฉลาดซื้อแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ถึงแม้ผู้บริหารของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT มีสิทธิเต็มภาคภูมิที่จะพูดถึงความสามารถในการสร้างกำไรสุทธิของบริษัทที่โดดเด่นมากขึ้นในปี 2558 มากถึง 60% โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสุดท้ายของปีที่กำไรสุทธิพุ่งแรงมากถึง 111%
ถึงแม้ผู้บริหารของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT มีสิทธิเต็มภาคภูมิที่จะพูดถึงความสามารถในการสร้างกำไรสุทธิของบริษัทที่โดดเด่นมากขึ้นในปี 2558 มากถึง 60% โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสุดท้ายของปีที่กำไรสุทธิพุ่งแรงมากถึง 111%
ยิ่งไปกว่านั้น คำกล่าวอ้างว่า กำไรที่เพิ่มขึ้น “มาจากการใช้กลยุทธ์ขยายและกระจายธุรกิจในเครือ และการมีเครือข่ายแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยสร้างรายได้และกำไรที่มั่นคง ท่ามกลางความท้าทาย ทั้งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ภาวะค่าเงินผันผวน และความไม่มั่นคงทางการเมืองในบางประเทศที่บริษัทดำเนินกิจการอยู่” สะทือนความเหนือชั้นของการทำธุรกจิที่ไม่ใช่แค่การมีเติบโตของทรัพย์สิน หรือ รายได้จากการดำเนินงานปกติอย่างเดียว
ความโดดเด่นที่เหนือชั้น และถือเป็นการกระทำที่ตอกย้ำความสามารถในการทำธุรกิจภายใต้ยุคใหม่คือการหามูลค่าเพิ่มจากทรัพย์สินทางปัญญา ผ่านการสร้างแบรนด์ หรือ ซื้อแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
ความเหนือชั้นนี้ มาจากวิสัยทัศน์ ของ วิลเลียม เอลวูด ไฮเน็ก คนอเมริกันหัวใจไทย และทีมงานชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย
ปี 2558 เป็นปีที่พิสูจน์กลยุทธ์ “ฉลาดซื้อ” ของ MINT ที่ชัดเจนยิ่ง เพราะสามารถบันทึกกำไรพิเศษเพิ่มเติมได้มากถึง 2,404 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิของบริษัทกระโดดจาก 4,402 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 7,040 ล้านบาท
กำไรสุทธิต่อหุ้นที่เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถเจียดมาจ่ายปันผลเพิ่มเป็นหุ้นละ 0.35 บาท
กลยุทธ์ฉลาดซื้อที่โดดเด่น ซึ่งมีสัดส่วนในกำไรสุทธิมากถึง 32.46% ของรายได้รวม (ส่วนใหญ่มาจากการดำเนินงานปกติของธุรกิจที่หลากหลายนับแต่ โรงแรม ร้านอาหาร รับจ้างบริหารโรงแรม ศูนย์การค้าและบันเทิง และอสังหาริมทรัพย์) เกิดจากการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศที่มีมูลค่าเพิ่มหลังการซื้อสูงมาก ประกอบด้วย
-การเข้าซื้อกิจการโรมแรม Sun International ในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมสุทธิของกลุ่ม มีกำไรพิเศษ 20 ล้านบาท
-การเข้าซื้อกิจการโรงแรม โอ๊คส์ อีแลน ดาร์วิน ที่ออสเตรเลีย ในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมสุทธิ มีกำไรพิเศษ 20 ล้านบาท
-กำไรจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมจกาการเปลี่ยนสถานะเงินลงทุนในกิจการร้านอาหารในออสเตรเลียของบริษัท ไมเนอร์ ดี เค แอล ฟู้ด กรุ๊ป (Minor DKL) มีกำรพิเศษ 1,665 ล้านบาท
-การเปลี่ยนสถานะเงินลงทุนใน Serendib Hotels Plc ทำให้มีกำไรพิเศษอีก 69 ล้านบาท
การซื้อกิจการแล้วมีค่า Goodwiil เป็นกำไรพิเศษนี้ ไม่ค่อยปรากฏบ่อยครั้งนัก เพราะโดยทั่วไปที่นักลงทุนคุ้นเคยคือ การบันทึกขาดทุนจากค่าความนิยม ทำให้ลดทอนความสามารถทำกำไรระหว่างปีของกิจการลงไปอย่างมีนัยสำคัญ เพราะซื้อมาแพงเกินมูลค่า
การซื้อกิจการที่มีแบรนด์ แล้วมีกำไรพิเศษ จึงเกิดขึ้นได้เป็นปรากฏการณ์เฉพาะที่คนที่ทำการตัดสินใจมีความช่ำชองกับการซื้อขายกิจการที่เกิดจากการสมผสานความรู้หลายสาขาทั้งในด้านการเงินและการตลาด ที่ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม หลังจากกลับค่าผลกำไรจากการซื้อกิจการ
นี่คือผลงานระดับเซียนเรียกพี่ เลยทีเดียว ..ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษห้ามเลียนแบบ นอกเหนือจากความสามารถที่ปรากฏในรายงานของฝ่ายบริหารที่ระบุถึง “การขยายสาขาของกิจการร้ายอาหารอย่างมีวินัย โดยเฉพาะในประเทศไทยและจีน
บริษัทไทยที่กลายเป็นบริษัทข้ามชาติไปเรียบร้อยแล้วอย่าง MINT ที่มีความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิ่มเติมโดดเด่นจากการเปิดเกมรุกธุรกิจใหม่ๆ จึงเป็นต้นแบบที่ควรแก่การศึกษา…อย่างมีนัยสำคัญ
สิ่งที่ขาประจำชอบหุ้นบลูชิพพื้นฐานดีเด่นอย่าง MINT ต้องตามต่อไปคือ โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายที่ควบคู่ไปกับโครงการโรมแรมในพื้นที่เดียวกันในไทย และโครงการที่อยู่อาศัยแบบพักผ่อนแบ่งปันเวลา อีกหลายแห่ง ที่เริ่มดำเนินการไปแล้วบางส่วน จะทำให้กำไรในปี 2559 ของ MINT เพิ่มขึ้นโดดเด่นเหมือนกับกลยุทธ์ “ฉลาดซื้อ” มากน้อยแค่ไหน
ถ้ายังทำได้ดีอีก …คงต้องถือยาววววววววววว ชนิดผูกข้ามปีกันทีเดียว ไม่ใช่ เข้าเร็ว ออกเร็ว หรือ ขึ้นขาย ลงซื้อ เหมือนหุ้นทั่วไป