เก็บตก!โมนิก้าและทีมงาน

*เดิมที “โมนิก้า” ตั้งใจจะเม้าท์ถึงบรรยากาศการลงทุนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นสัปดาห์ แต่เผอิญพรายกระซิบส่วนตัวแอบไปได้ยินข่าวเม้าท์เกี่ยวกับการทำhearing IPO ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งกำลังเป็นข่าวคราวใหญ่โตในหมู่นักเล่นหุ้น จึงเปลี่ยนใจมาเม้าท์ถึงประเด็นตรงนี้ดีกว่า เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับท่าทีของกลุ่มคนต่างๆ และยังเป็นตัวกำหนดรูปร่างหน้าตาหุ้นในอนาคตอีกด้วยนะคะ


*เดิมที “โมนิก้า” ตั้งใจจะเม้าท์ถึงบรรยากาศการลงทุนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นสัปดาห์ แต่เผอิญพรายกระซิบส่วนตัวแอบไปได้ยินข่าวเม้าท์เกี่ยวกับการทำhearing IPO ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งกำลังเป็นข่าวคราวใหญ่โตในหมู่นักเล่นหุ้น จึงเปลี่ยนใจมาเม้าท์ถึงประเด็นตรงนี้ดีกว่า เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับท่าทีของกลุ่มคนต่างๆ และยังเป็นตัวกำหนดรูปร่างหน้าตาหุ้นในอนาคตอีกด้วยนะคะ

*ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เดี๊ยนขอเม้าท์ถึงการที่ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,333.42 จุด บวกไป 1.49 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.26 หมื่นล้านบาท โดยระหว่างวันมีการเหวี่ยงตัวไปมาอย่างรุนแรง “โมนิก้า” ถือเป็นการทดสอบแรงซื้อที่มีเข้ามาก่อนหน้านี้ และผลที่ออกมาในคราวนี้ก็แสดงให้เห็นว่า กำลังมีการเล่นวิ่งผลัดกันอย่างสนุกสนาน ภาพที่เห็นในเที่ยวนี้ถึงเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เจ้าค่ะ

*ย้อนกลับมาประเด็นที่ “โมนิก้า” เกริ่นนำไว้ในย่อหน้าแรกดีกว่า เพราะรายละเอียดตรงนั้นมีเยอะมากๆ แต่ที่พรายกระซิบเม้าท์ให้ฟังแบบต่อยหอย มันเป็นเรื่องความไร้เดียงสาของคนบางคน ซึ่งมองเรื่องการแตกพาร์ และราคาพาร์ ไม่แตกฉาน ส่งผลให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการทำดีลรู้สึกหงุดหงิดอย่างรุนแรง หลังมองประเด็นดังกล่าวเป็นเครื่องมือของการทำหุ้นพะยะค่ะ

*ประเด็นตรงนี้ทำให้ “โมนิก้า” ต้องมาเก็บตกรายละเอียดปลีกย่อย พร้อมกับเสนอแนะอะไรบางอย่างแล้วกัน หลังกระแสเรื่องนี้ตีกลับไปหาคนที่เป็นต้นเรื่องเต็มๆ ซึ่งเขาว่ากันว่า การแตกพาร์เป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับหุ้นขนาดเล็ก และเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ของการทำให้หุ้นขนาดเล็กมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา…หากไม่เข้าใจของยกตัวอย่างให้เห็นเลยแล้วกันเจ้าค่ะ

*สมมุติว่า หุ้นขนาดเล็กมีทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท แล้วมีการกำหนดราคาพาร์ไว้ที่ 1 บาท เท่ากับมีหุ้นทั้งสิ้น 150 ล้านหุ้น ต่อจากนั้นเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้น โดยอิงกับข้อกำหนดฟรีโฟลต 20% เท่ากับมีหุ้นที่จะนำมาขาย IPO แค่ 30 ล้านหุ้น “โมนิก้า” ถึงมองว่า นี่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับคนบางกลุ่มชัดๆ แมงเม่าอย่างเราๆ ท่านๆ จะได้รับการจัดสรรหุ้นไอพีโอเหรอจ๊ะ

*ไม่เพียงเท่านั้น จำนวนหุ้นที่กระจายอยู่ในตลาดแค่เพียงหยิบมือ ยังง่ายต่อการถูกขาปั่นน่องเหล็กรวบหุ้นไว้ในแก๊งของตัวเอง และผลที่ตามมาคงเป็นการดันราคาหุ้นแบบสุดสวิงริงโก้อีโต้บาน ต่อจากนั้นมือปราบสายเดี่ยวของ ก.ล.ต. และ ตลท. ก็จะออกมาไล่จับหุ้นปั่น “โมนิก้า” ถึงมองไม่เห็นความจำเป็นในการตั้งข้อกำหนดดังกล่าว เพราะมันไม่ช่วยอะไรเลยในทางปฏิบัตินะซี

*งานนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากจะขอแชร์ข้อมูลให้สังคมได้รับรู้ แต่เกรงว่าจะกินพื้นที่เม้าท์ในส่วนอื่น จึงขอยกเจียดพื้นที่ให้กับหุ้นรายตัวดีกว่า หลังผลงานการดำเนินงานในปี 58 สุดติ่งกระดิ่งแมวกันหลายเจ้า จึงขอเก็บตกเรื่องนี้อีกนิดหนึ่ง เพราะในวันจันทร์หน้าจะเป็นวันสุดท้ายที่ประกาศงบ เดี๊ยนถึงตื่นเต้นสุดๆ เมื่อเห็นหุ้นบางตัวเริ่มกระชากขึ้นอีกรอบไงล่ะค่ะ

*เหมือนกับในรายของ WHA ภายใต้การกุมบังเหียนของ “เจ๊จูน” ยังคงเป็นหุ้นที่น่าเล่นตามกระแสเหมือนเดิม ยิ่งผลงานปี 58 เลิศหรูอลังการสุดๆ ยิ่งต้องหันมามองหุ้นตัวนี้มากขึ้น ล่าสุดหุ้นปิดเสมอตัวที่ 2.88 บาท ด้วยมูลค่า 120 ล้านบาท “โมนิก้า” ขอเดาว่า เริ่มมีการเก็บหุ้นรอบใหม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ซึ่งเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องหาช่องทางเข้าไปโกยกำไรบ้างนะคะ

*รายที่น่าแปลกใจสุดๆ “โมนิก้า” กลับมองไปที่ PLANB ผลงานก็ออกมาค่อนข้างดี แต่ดันโดนเทขายทิ้งมาระยะหนึ่ง แถมเมื่อประกาศกำไรออกมาชัดๆ ราคาหุ้นกลับไม่ตอบรับอะไรบ้างเลยแบบนี้ ขอบอกตามตรงว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย เพราะแสดงถึงแรงเทขายยังไม่สะเด็ดน้ำ หุ้นมีโอกาสอ่อนตัวลงไปที่ฐาน 5.50 บาทค่อนข้างสูง พร้อมกับทำให้ราคาปิดที่ 5.70 บาท ยังไม่ใช่จุดทยอยเก็บของนะจะบอกให้

*ตรงกันข้ามกับ SAWAD และMTLS สองผู้นำธุรกิจลิสซิ่งแห่งยุคดิจิตอล “โมนิก้า” มองไปมุมไหน ด้านไหน ก็มีแต่เรื่องที่น่าสนใจเยอะแยะไปหมด บวกกับผลกำไรปี 58 เติบโตตามเป้าที่วางไว้ และปีนี้ก็จะเป็นอีกปีที่โตแบบระเบิดระเบ้อ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับเริ่มหาช่องทางเก็บหุ้นสองตัวนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ หลังสัญญาณบวกทางธุรกิจมาเต็มพิกัด…ไม่เชื่อลองดูบทวิเคราะห์ที่ออกมาในช่วงหลังซิค่ะ

*ส่วนหุ้นทีเด็ดอย่าง GIFT ยังคงเป็นอะไรที่น่าสนใจสุดๆ สำหรับความเห็นของ “โมนิก้า” หลังเริ่มแย้มแผนธุรกิจให้เห็นแล้วบางส่วน ซึ่งเดี๊ยนขอตีความว่า น่าจะเป็นการต่อยอดธุรกิจให้มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม และหนึ่งในธุรกิจที่จะลุยสุดตัวก็เกี่ยวข้องกับพลังงานเสียด้วย จึงกลายเป็นหุ้นที่ควรค่าแก่การลงทุนเป็นอย่างยิ่ง แถมตัวเลขกำไรเติบโตในระดับ 20% ทุกปี ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานยืนอยู่แค่ 3.54 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 4.70% ซึ่งเป็นการเทรดบนค่า P/E 14 เท่า มันน่าสนไหมล่ะค่ะ

*ปิดท้ายกันที่ NOK เพื่อทำให้ผู้ถือหุ้นทำใจตั้งแต่เนิ่นๆ หลังปัญหาบานปลายจนนำไปสู่กัปตันยกทีมลาออก แถมมีการยกเลิกเที่ยวบิน 20 ไฟท์ต่อวันจนถึงวันที่ 10 มี.ค. เท่ากับเป็นการบอกเป็นนัยแล้วว่า ไตรมาส 1 ขาดทุนบานเบอะแน่ๆ และทางออกที่ดีสุดตอนนี้มีแค่ “พาทีลาออก” กับ “หากัปตันใหม่” ส่วนจะเป็นทางเลือกไหน? ก็ติดตามดูกันต่อไปเรื่อยๆ เพราะมันเป็นหนังเรื่องยาวพะยะค่ะ

Back to top button