VIBHA มีไว้ไม่เสียหลาย?
ประเด็นของหุ้น VIBHA เป็นอะไรที่ไม่สลับซับซ้อน เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่า ธุรกิจโรงพยาบาลเป็นธุรกิจที่ทำเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากคนส่วนใหญ่หันมาสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น บวกกับมีความต้องการใช้บริการที่สะดวกรวดเร็ว ส่งผลให้ผลประกอบการของโรงพยาบาลเอกชนเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว
สภาแมงเม่า: ดร.สมชาย
คุณจุมพล จากประชาชื่น กรุงเทพฯ พูดถึงหุ้น VIBHA หรือบริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่ให้ผลตอบแทบที่คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 4 ปี และปีนี้ก็เชื่อว่าจะปรับตัวขึ้นได้อีกแน่นอน จึงอยากให้อาจารย์ช่วยฉายภาพชัดๆ ของหุ้นตัวนี้อีกสักหน่อย เพื่อให้กลุ่มผู้เล่นได้มองเห็นจุดเด่นของหุ้นตัวนี้อย่างลึกซึ้งนะครับ
ประเด็นของหุ้น VIBHA หรือ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) เป็นอะไรที่ไม่สลับซับซ้อน เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่า ธุรกิจโรงพยาบาลเป็นธุรกิจที่ทำเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากคนส่วนใหญ่หันมาสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น บวกกับมีความต้องการใช้บริการที่สะดวกรวดเร็ว ส่งผลให้ผลประกอบการของโรงพยาบาลเอกชนเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว
เรื่องดังกล่าวพิสูจน์ได้จากจากข้อมูลของ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ซึ่งมีการพูดถึงแนวโน้มธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไว้ตั้งแต่ปี 58 ว่า รายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนน่าจะทะลุ 1 แสนล้านบาท หรือขยายตัวกว่าร้อยละ 10-15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตดังกล่าวเกิดจากการขยายการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่ศักยภาพในต่างจังหวัด เพื่อรองรับกับกลุ่มคนไข้ โดยเฉพาะคนไข้ชาวต่างชาติที่คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี
ในขณะที่ตลาดคนไข้ที่เป็นชาวไทย ก็สร้างรายได้ให้กับธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนกว่าร้อยละ 75 ของรายได้โรงพยาบาลเอกชนไทยทั้งหมด ยังคงมีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งคนไข้กลุ่มดังกล่าวนิยมเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ กลุ่มลูกค้าเงินสด โดยเฉพาะลูกค้าชนชั้นกลางที่จะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง
เหล่านี้เป็นข้อมูลที่ยืนยันว่า VIBHA ยังคงเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการซื้อติดพอร์ตไว้บางส่วน และข้อมูลตรงนี้ก็เป็นที่รับรู้กันอย่างเปิดเผยว่า แวลูของหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปี
ประกอบกับผลประกอบการปี 58 ทำกำไรได้ทั้งสิ้น 735.65 ล้านบาท หรือ 0.058 บาทต่อหุ้น เทียบกับปี 57 ทำกำไรได้ทั้งสิ้น 596.11 ล้านบาท หรือ 0.047 บาทต่อหุ้น ย่อมเป็นแรงขับเคลื่อนให้ทุกไต่ระดับขึ้นไปอย่างช้าๆ อีกทั้งปริมาณคนไข้เพิ่มขึ้นทุกปี ย่อมส่งผลดีโดยตรงกับผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างแน่นอน
วันนี้อยู่ที่นักลงทุนเชื่อตามข้อมูลที่อาจารย์นำเสนอแค่ไหน?
เนื่องจากผลได้ผลเสียมันเกิดกับตัวผู้เล่น ไม่ได้เกิดกับอาจารย์สักหน่อย!
…
กราฟประกอบคอลัมน์: Aspen, ราคาปิด ณ วันที่ 26 ก.พ.59