“เซ็นทรัล” ปะทะ “เบียร์ช้าง”โมนิก้าและทีมงาน
*ก่อนอื่นใด “โมนิก้า” ขอปรบมือดังๆ ให้กับแมงเม่าปีกแข็งที่รู้จักฉกฉวยโอกาสเทขายหุ้นทำกำไรในยามที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแรง เพราะมันหมายถึงเซนส์ของนักเล่นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น จึงรู้วิธีหากำไรในช่วงที่นักลงทุนสถาบันเข้ามาเก็บหุ้นอีกรอบ พร้อมกันนั้นยังแสดงให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยยังสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้กลับเข้ามาซื้อหุ้นอย่างหนักหน่วงได้อีกครั้งนะจ๊ะ
*ก่อนอื่นใด “โมนิก้า” ขอปรบมือดังๆ ให้กับแมงเม่าปีกแข็งที่รู้จักฉกฉวยโอกาสเทขายหุ้นทำกำไรในยามที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแรง เพราะมันหมายถึงเซนส์ของนักเล่นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น จึงรู้วิธีหากำไรในช่วงที่นักลงทุนสถาบันเข้ามาเก็บหุ้นอีกรอบ พร้อมกันนั้นยังแสดงให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยยังสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้กลับเข้ามาซื้อหุ้นอย่างหนักหน่วงได้อีกครั้งนะจ๊ะ
*วานนี้ถึงเห็นยอดซื้อของกองทุนขี้ตืดพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 3.50 พันล้านบาท ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวควักเงินซื้อไปกว่า 3.60 พันล้านบาท ส่วนปอบผีฟ้าก็โหนกระแสด้วยการเข้ามาเก็บหุ้น 650 ล้านบาท ส่วนแมงเม่าอย่างพวกเราก็สาดหุ้นโครมเดียว 7.70 พันล้านบาท แต่ดัชนียังวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,365.31 จุด บวกไป 18.36 จุด ด้วยมูลค่า 6.88 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นบรรยากาศที่คึกคักสุดในรอบ 6 เดือนครึ่งนะจะบอกให้
*แถมแรงซื้อที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่นก็ทำให้ดัชนีวิ่งทะลุแนวต้าน 1,350 จุดขึ้นไปอย่างง่ายดาย พร้อมกับปลุกเร้าความมั่นใจของนักลงทุนสถาบันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และประเด็นตรงนี้จะเกี่ยวข้องกับภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศไม่ดีเท่าตลาดหุ้นไทยหรือเปล่า “โมนิก้า” ขอให้แฟนคลับไปศึกษาข้อมูลกันเอาเอง เพราะวันนี้มีเรื่องเจ็บๆ แสบๆ คันๆ มาเม้าท์ให้ฟังตั้งหลายเรื่องนะตัวเอง
*โดยเฉพาะเรื่องของกระแสสังคมที่พุ่งเป้าไปยังหุ้นBIGC แบบเนื้อๆ เน้นๆ เต็มๆ หัวใจ มันน่าจะเป็นเรื่องที่ควรดีใจแบบสุดๆ แต่เผอิญเรื่องที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้มีแต่ปัญหาเยอะแยะไปหมด “โมนิก้า” ก็เลยสัมผัสได้ถึงกลิ่นตุๆ ลอยมาแต่ไกล และล่าสุดเรื่องราวชักลุกลามบานปลายไปเรื่อยๆ จากก่อนหน้านี้มีข้อสงสัยเรื่องข้อกฎหมายนอมินี ต่อมาเป็นข้อสงสัยของคนที่ชอบอมเป็นชีวิตจิตใจเจ้าค่ะ
*ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาอีกจนได้ เมื่อพี่น้องพ้องเพื่อนกลุ่มเซ็นทรัลฯ ออกมาสวนหมัดใส่กลุ่ม “เบียร์ช้าง” แบบหนักหน่วง พร้อมกับประกาศกร้าวว่า ไม่มีวันขายหุ้นที่ถือทั้งหมด 25% ให้กับกลุ่มดังกล่าวอย่างแน่นอน “โมนิก้า” จึงขอตีความเรื่องดังกล่าว ตามแบบฉบับคนชอบแส่เรื่องชาวบ้านสักหน่อยว่า นี่คือชัยชนะของผู้แพ้อย่างแท้จริงนะจะบอกให้
*เนื่องจากประเด็นตรงนี้มันสื่อให้ทุกคนรู้ว่า ถ้าอยากได้หุ้นจริงๆ กลุ่มเบียร์ช้างต้องควักเงินซื้อในราคาที่แพงกว่ากลุ่มคาสิโนที่ตั้งไว้252.88 บาท ทางกลุ่มเซ็นทรัลฯ ถึงจะเกิดอาการใจอ่อน พร้อมกับเปิดรับข้อเสนอที่หยิบยื่นให้ หรือในอีกมุมหนึ่งจะเห็นว่า หากดีลกันไม่สำเร็จอย่างที่คาดหวัง ทางกลุ่มเซนทรัลฯ มีสิทธิ์ส่งคนเข้าไปนั่งเป็นกรรมการได้ถึง 2 คนเลยทีเดียวนะจ๊ะ
*งานนี้ถึงเป็นการปะทะกันตรงๆ ระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ที่ทำธุรกิจค้าขาย โดยเจ้าหนึ่งเก่งเรื่องตลาดรีเทล ส่วนอีกเจ้าหนึ่งเก่งเรื่องโลจิสติกส์ “โมนิก้า” ถึงมองเป็นมวยคู่เอกของเวทีตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างมีกองเชียร์เป็นของตัวเองกันทั้งนั้น เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับติดตามดูผลที่จะออกมาอย่างใกล้ชิด…ก่อนจะไปถึงตรงนั้นยังมีขั้นตอนเกี่ยวกับการทำดีลเข้ามาเกี่ยวข้อง…เผลอๆ ดีลอาจเป็นโมฆะก็ได้ ใครจะไปรู้ จริงไหมตัวเอง!
*ย้อนกลับมาเม้าท์ถึงวีรกรรมเด่นๆ ของพ่อดอกมะลิ JAS กันสักหน่อยดีกว่า เพราะสาเหตุที่ทำให้หุ้นทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 3.18 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 14.40% ด้วยมูลค่า 7 พันล้านบาท แถมมูลค่าการซื้อขายคิดเป็น 10% ของมูลค่าการซื้อขายรวม มันมาจากข่าวเม้าท์ที่ว่า ถอดใจจากธุรกิจ 4G หุ้นเลยวิ่งระเบิดระเบ้อให้เห็นไงล่ะค่ะ
*ไม่เพียงเท่านั้น! ยังมีการมโนต่อไปว่า ปัญหาสารพันจะถาโถมเข้ามาหาไม่ยั้ง และทางเลือกเดียวที่เหลือคงหนีไม่พ้นการปล่อยธุรกิจบรอดแบรนด์ให้กับคนอื่น! แล้วใครล่ะ…ที่มีพลังงานมากพอที่จะรวบหัวรวบหาง “โมนิก้า” เลยขอมโนไปเองอีกขั้นว่า ADVANC น่าจะมีโอกาสมากสุด! เพราะคนในวงการต่างรู้ดีว่า เคยทำธุรกิจร่วมกันมาก่อน ซึ่งค่อนไปในประเภทวัวเคยขาม้าเคยขี่อะไรปานนั้นแหละค่ะ
*อีกหนึ่งช็อตเด็ดที่ “โมนิก้า” ชอบค่อนข้างมากในเที่ยวนี้คือหุ้นขายไก่ CPF เพราะทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้เป๊ะๆ แต่ที่ผ่านมาโดนกระหน่ำเทขายไม่เลี้ยงอย่างไม่มีเหตุผล ล่าสุดเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 20 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยวอลุ่มที่แน่นเอี๊ยด มันหมายถึงหุ้นเริ่มกลับโพสิชั่น โอกาสทะยานขึ้นไปหาแนวต้านเก่าที่บริเวณ 24 บาท ถึงเป็นไปได้ค่อนข้างสูงไงล่ะค่ะ
*ตบท้ายกันที่หุ้นนอกกระแสอย่าง TSE เพื่อลดอาการเลี่ยนสักหน่อยดีกว่า โดยเหตุผลที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นตัวนี้มันมาจากโพสิชั่นของธุรกิจกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นเต็มตัว แถมไม่มีเรื่องขาใหญ่โยนหุ้นเข้ามาเกี่ยวข้องอีกแล้ว (เขาว่าไว้อย่างนั้น) รวมทั้งยังมีช็อตเด็ดที่รอจะแถลงอีกในไม่ช้าแบบนี้กระมัง หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.92 บาท บวกไป 0.10 บาท ทั้งที่ราคาเป้าหมายที่กูรูให้กันไว้อยู่ที่ 6 บาท…มันน่าสนใจสุดๆ นะจะบอกให้