หัวทองมา..หุ้นกระฉูดโมนิก้าและทีมงาน

*การทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนี ก่อนจะจบลงด้วยการปิดที่ 1,395.75 จุด บวกไป 16.22 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.21 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่สุดแสนจะโอเว่อร์รีแอ็กต์ แต่เมื่อดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า การเข้ามาของฝรั่งหัวทองในคราวนี้ ทำให้ดัชนีทะยานขึ้นอย่างไม่มีลิมิตชีวิตเกินร้อย พร้อมกับทำให้บรรยากาศการลงทุนคึกคักขึ้นทันตานะจะบอกให้


*การทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนี ก่อนจะจบลงด้วยการปิดที่ 1,395.75 จุด บวกไป 16.22 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.21 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่สุดแสนจะโอเว่อร์รีแอ็กต์ แต่เมื่อดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า การเข้ามาของฝรั่งหัวทองในคราวนี้ ทำให้ดัชนีทะยานขึ้นอย่างไม่มีลิมิตชีวิตเกินร้อย พร้อมกับทำให้บรรยากาศการลงทุนคึกคักขึ้นทันตานะจะบอกให้

*บวกกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมาโหนกระแสทันทีว่า ฝรั่งหัวทองจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นหนักอีกครั้ง หลังจากปีที่ผ่านมาปล่อยหุ้นออกไปมากถึง 1.50 แสนล้านบาท และเมื่อคิดจากยอดที่กลับเข้ามาซื้อล่าสุดอยู่แค่ 5 พันล้านบาท เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า แนวต้านไหน..ก็มิอาจขวางกั้น! เพราะถ้าดูจากเม็ดเงินที่จะไหลกลับเข้ามาแค่  6-7 หมื่นล้านบาท ดัชนีก็กลับขึ้นไปยืน 1,450 จุดได้สบายๆ เจ้าค่ะ

*งานนี้ขอบอกตามตรงว่า สัญญาณเทคนิคใช้การไม่ได้ชั่วคราว หุ้นเล็กหมดความน่าสนใจลงไปในทันที เพราะแรงซื้อที่ถาโถมเข้ามาในเที่ยวนี้ พุ่งเป้าไปที่หุ้นบลูชิพเพียวๆ (โซดา น้ำแข็ง ไม่ต้อง) ทุกอย่างเลยดูสวยหรูไปหมด ขนาดของมันเห็นกันทนโท่ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจหลายอย่างยังไม่กระเตื้องเท่าที่ควร และยังมีปัญหาอีกหลายอย่างที่รัฐบาลทหารต้องแก้..หุ้นขึ้นแรงขนาดนี้ มันถูกต้องตามตรรกะเหรอค่ะ

*วกกลับมาเม้าท์เรื่อง JAS กันบ้างดีกว่า! เพราะกลายเป็นหุ้นที่มีปัญหาหลายอย่างให้ตามขบคิดไม่เลิกเสียที ล่าสุดประกาศซื้อหุ้นคืนหุ้นละ 5 บาท ซึ่งคิดเป็นในวงเงิน 6 พันล้านบาท ทั้งที่ตัวเองต้องหาเงินไปจ่ายค่าใบอนุญาต 4G “โมนิก้า” ถือเป็นวิธีคิดที่ย้อนแย้งในตัวของมันเอง และทำให้คิดถึงประเด็นเก่าๆ ที่สร้างปัญหาหนักอกหนักใจมานักต่อนัก แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้..เพียงแต่ครั้งนี้จะเป็นเหมือนกับครั้งก่อนไหม?

*เนื่องจากครั้งนี้มีแฟกเตอร์หลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะแยะไปหมด ไหนจะโดนบีบด้วยเรื่องเวลา..ไหนจะโดนบีบจากแบงก์..ไหนจะโดนบีบจาก กสทช. ล่าสุดก็โดนบีบจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ชี้แจงประเด็นข้อสงสัยต่างๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับแบ่งประเด็นดังกล่าวออกเป็น 2 เรื่องใหญ่ คือ 1.เกมราคาหุ้น กับ 2.เกมของธุรกิจ ซึ่งทั้ง 2 แบบให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันเจ้าค่ะ

*หากมองเรื่องราคาหุ้นเป็นที่ตั้งจะเห็นว่า นี่คือเกมของนักโหนกระแสอย่างแท้จริง เพราะการรับซื้อหุ้นละ 5 บาท ขณะที่ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.70 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 19.40% ด้วยมูลค่า 8 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือว่า ยังมีแก๊ปให้ออกของเยอะพอสมควร วันนี้น่าจะเห็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรแบบสุดสวิงริงโก้อีโต้บานอีกครั้ง และหวังว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ คงจะคิดอะไรที่เร็วขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้เทรดไป 3 นาที ต่อจากนั้นค่อยขึ้น H มันไม่เวิร์กเอาเสียเลยนะจ๊ะ

*ส่วนในแง่ของการแข่งขันในเชิงธุรกิจ “โมนิก้า” ถือเป็นความเสี่ยงที่หลายคนรู้มานานพอสมควรแล้ว เจ้านี้มีความได้เปรียบในส่วนที่เป็นบรอดแบนด์ การต่อยอดในทางธุรกิจทำได้ค่อนข้างง่าย แต่ถ้ามองในแง่ของจำนวนลูกค้าที่จะถึงจุดคุ้มทุน ยังเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักพอสมควรเลยทีเดียว บวกกับวันนี้โครงสร้างทางการเงินก็ยังไม่มีความชัดเจน..สู้คนอื่นลำบากนะจะบอกให้

*ส่วนตัวที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมายในที่นี้ก็คือIRPC พรายกระซิบออกมายืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า ข่าวดีที่ออกมาเมื่อวันก่อน เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น เพราะของจริงๆ ระดับเทพ ยังไม่ได้ออกมาโชว์ แต่ราคาหุ้นวานนี้ก็พุ่งขึ้นมาปิดที่ 4.88 บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.20 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นข้อมูลที่แฟนคลับ “ข่าวหุ้น” รับรู้ก่อนใครเพื่อน และหวังว่า คงจะรวยถ้วนหน้านะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับการลงทุนใน PTTEP  เดี๊ยนเคยวิเคราะห์หลายครั้งว่า หุ้นตัวนี้มีสตอรี่ที่น่าสนใจ และมีโอกาสได้เห็นหุ้นปรับตัวขึ้นอีกครั้ง และในที่สุดก็เป็นจริงเหมือนที่กับเม้าท์ไว้ทุกอย่างแบบนี้ ก็ถึงเวลาขายทำกำไรบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเสียที..ที่สำคัญก็คือ ยุทธวิธีดังกล่าวทำให้ตัวนักลงทุนไม่ต้องวอรี่กับอาการเหวี่ยงตัวที่รุนแรงของหุ้นอีกด้วย ล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ 78 บาท บวกไป 5.50 บาท หรือขึ้นไป 7.60% ด้วยวอลุ่มที่แน่นขนัดเลยทีเดียวแบบนี้..ถ้าฝรั่งซื้อต่อ หุ้นก็กระฉูดพะยะค่ะ

*สำหรับในรายของ DTAC  ใครๆ ก็รู้ว่า หุ้นตัวนี้กำลังอยู่ในช่วงของการปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และหนึ่งในยุทธวิธีในการเรียกความเชื่อมั่นก็หนีไม่พ้น ราคาหุ้นต้องสูงขึ้น! “โมนิก้า” ถึงเชียร์ให้แฟนๆ เล่นตามน้ำเมื่อเห็นหุ้นยังขยับไปได้เรื่อยๆ  และหาจังหวะปล่อยหุ้นเมื่อราคาหุ้นได้ตามเป้า ล่าสุดราคาหุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ 42.25 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 7%  ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มากถึง 4 พันล้านบาท มันหมายความว่า หุ้นยังมีโอกาสวิ่งต่อหรือเปล่าเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวขึ้นเขียวยกแผงไปเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นทีเด็ดที่นักลงทุนควรจะเล่นตามทุกช็อต และตัวที่มีวอลุ่มอัดเข้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ในคราวนี้ก็คือ ESSO ว่ากันว่า ราคาหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 5.40 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 7% พร้อมวอลุ่มการซื้อขายที่แน่นเอี้ยดแบบนี้..วันนี้มีโอกาสเล่นต่อสูงเหลือเกินเจ้าค่ะ

Back to top button