JAS อีกแล้วลูบคมตลาดทุน
วานนี้นักลงทุนหลายคนน่าจะห่อหุ้นแจส (JAS) กลับบ้าน
ธนะชัย ณ นคร
วานนี้นักลงทุนหลายคนน่าจะห่อหุ้นแจส (JAS) กลับบ้าน
เพราะปริมาณซื้อสุทธิกว่า 1,526 ล้านหุ้น และขายสุทธิ 807 ล้านหุ้น ดีดลูกคิดแล้ว มีคนนำหุ้นแจสกลับไปฝากคนที่บ้านกว่า 719 ล้านหุ้น
หากดูจากกราฟการซื้อขาย มีนักลงทุนเข้าซื้อช่วงราคาสูงสุด 3.80 บาทกันเยอะมาก
ส่วนราคาเฉลี่ยทั้งวันอยู่ที่ 3.44 บาท
รอบนี้จึงมี (ติด) ดอยกันแน่นอน โดยเฉพาะช่วง 3.80–3.96 บาท ขึ้นเป็นช่วงราคาสูงสุดของวานนี้
ส่วนพี/อี หากใช้ราคาปิดเมื่อวันศุกร์จะอยู่ที่ 1.41 เท่า แต่หากใช้ราคา (ปิด) วานนี้ พี/อี น่าจะขยับขึ้นมาอยู่แถว 1.70 เท่า แต่ก็ยังนับว่าต่ำอยู่
เรื่องแจส วานนี้น่าจะเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปอีกหลายวัน หรืออาจจะข้ามปี
และอาจจะเป็นกรณีศึกษา หรือบทเรียนกันในอนาคต
แจสแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงพักการซื้อขายระหว่างวัน ว่าต้องการซื้อหุ้นคืนในอัตราหุ้นละ 5 บาท กำหนดวงเงินไว้ 6,000 ล้านบาท
ต่อมาตลาดหลักทรัพย์ฯต้องขึ้น “H” เพื่อพักการซื้อขาย และให้แจส แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนให้ชัดเจน
และเมื่อแจสแจ้งรายละเอียดเข้ามาเพิ่มเติม ทำให้ตลาดปลดเครื่องหมาย H ออก
หลังจากนั้นราคาหุ้นแจส มีการขายทำกำไรกันออกมา
ทว่า ราคาในช่วงท้ายตลาดกลับดีดขึ้นมาได้อีกหลังการปลดเครื่องหมาย H แต่ก็ยังไปไม่ถึงระดับราคาสูงสุดของวันคือ 3.96 บาท
เกิดปุจฉากับนักลงทุนอย่างหลากหลาย
แจสกำลังทำอะไรกับตัวเอง
นี่คือมันนี่เกมหรือเปล่า? หรือเป็นวิศวกรรมการเงินของแจสที่อาจเกี่ยวข้องกับเรื่อง 4G คลื่นความถี่ 900 MHz
ก่อนหน้านี้ในช่วงปลายอาทิตย์ที่แล้ว บอร์ดของแจสบอกว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในกรณีการหาเงินมาจ่ายค่าใบอนุญาตให้บริการ 4G บนคลื่น 900 MHz มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท
แจสยืนยันว่า วิธีการของเขาจะไม่กระทบผู้ถือหุ้น JAS
แจสนั้น ยังคงมีปัญหาเรื่องแบงก์การันตี เพราะธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL ที่มีข่าวว่า แจสต้องการขอสนับสนุนทางการเงินได้บีบให้แจสต้องเพิ่มทุน
แจสมีกำหนดต้องวางเงินก้อนแรกกับ กสทช.จำนวน 8 พันล้านบาท พร้อมแบงก์การันตีในวันที่ 21 มีนาคมนี้
ถามผู้เกี่ยวข้องแล้ว คำตอบเหมือนๆ กันครับ
“ไม่น่าจะทัน”
ธนาคารแต่ละแห่งได้วางการปล่อยสินเชื่อ 4G กันไว้แล้ว และก็ไปอยู่กับ TRUE แล้ว
ส่วนของแจสนั้น หากจะพิจารณาให้ ก็ต้องทำตามเงื่อนไขต่างๆ ให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก และยากที่สุด หรือยากเกินกว่าที่แจสจะรับได้
อย่างที่ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ครับ “นายแบงก์ต้องการปิดประตูความเสี่ยง”
หรือหากจะเสี่ยง (อาจด้วยเรื่องความสัมพันธ์) ก็ต้องตั้งโจทย์ให้ไปทำการบ้านกันซักหน่อย
“นายคงเข้าใจเรานะ”
นายแบงก์น่าจะพูดกับผู้บริหารแจสในทำนองนี้
การประกาศเพื่อซื้อหุ้นคืนของแจสวานนี้จึงถูกโยงมาว่า ยังไงก็เกี่ยวข้องกับ 4G แน่นอน
ประเด็นที่คาดการณ์ไว้กันคือ แจสอาจยกธงขาวไม่เอาแล้ว
และอีกประเด็นคือ การดำเนินการของแจส จะไปสู่กระบวนการเพิ่มทุนแบบ PP ในภายหลัง
การเพิ่มทุน PP ภายหลัง ก็เพื่อไม่ต้องการให้ Control Dilution ของ “พิชญ์ โพธารามิก” ต่ำไปเกิน 20%
ปัจจุบัน JAS มีหุ้นจนทะเบียนชำระแล้ว 7,133,530,653 หุ้น และคุณพิชญ์ ถือหุ้นอยู่ 25.85% จึงได้ทำกรณีที่บริษัทจะเพิ่มทุนภายหลังโดยจำนวนที่เพิ่มทุนภายหลังอาจจะมากกว่า หุ้นซื้อคืน
แต่ไม่ทำให้ Control Dilution ของ คุณพิชญ์ ต่ำเกินไป
นี่คือมุมมองของนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้
ยังมีประเด็นที่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับราคาที่แจสขอเสนอซื้อหุ้นคือ แจสใช้คำว่า “ประมาณ 5 บาท ต่อหุ้น และราคาดังกล่าวยังไม่แน่นอน”
ซึ่งต่างจากช่วงแรกที่แจ้งตลาดฯ ว่า “ประมาณ 5 บาทต่อหุ้น”
นักลงทุนหลายคนถามว่า ราคา 5 บาทนำมาจากไหน
คำตอบของแจสก็คือ ราคาหุ้นสามัญของแจสเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน ก่อนวันประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา เท่ากับ 2.96 บาทต่อหุ้น
ส่วนราคาที่จะเสนอซื้อคืนนั้นประมาณ 5.00 บาทต่อหุ้น อ้างอิงจากราคาเฉลี่ยย้อนหลังระหว่าง 6 มีนาคม 2558 ถึง 4 มีนาคม 2559 ซึ่งอยู่ที่ 5.01 บาทต่อหุ้น หรือก่อนวันประชุมคณะกรรมการแจสเพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการ
ประเด็นเรื่องราคายังคงเป็นที่ถกเถียงว่า แจสใช้เกณฑ์นี้ได้หรือไม่
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างน้อยนี่ก็เป็นสัญญาณอะไรบางอย่างจากคุณอดิศัย และคุณพิชญ์ โพธารามิก ครับ
และเป็นเรื่อง 4G แบบมีนัยสำคัญ